๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”)
๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น
อกตื้นตันอัสสุชลล้นรินไหล
จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย
เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง
๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงแท้
จากดวงแดมิแสร้งแกล้งหมองหมาง
จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง
“อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด”
๏ (“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”)
๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น
อกตื้นตันอัสสุชลล้นรินไหล
จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย
เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง
๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงแท้
จากดวงแดมิแสร้งแกล้งหมองหมาง
จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง
“อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด”
๏ (“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก