O มุสาสมัย .. O
๑๙
O เรื่อทองทาบ-ช-ละ-พร่างระหว่าง-ติ-ณะ-ล-ดา-
วัลย์ - ย้ำจะอำลา - - - อรุณ
O พ่างเก็จแก้ว-ประ-ประกายละม้าย-รั-ศ-มิ-กุณ-
ฑล-พราววะวาวจุน - - - รุจี
O ฟากฟ้านั่น-ท-วิ-ผวนกระบวน -จ-ร-จะลี-
ลาศมุ่งอำรุงชี - - - วะชนม์
๑๔
O แผ่วพลิ้วระริ้วกุสุมะชาติ
ขณะวาตะผ่านวน
พู้นภาสะอาทิตยะพล
กระอุผละพร่างเพ็ญ
O ลมร่ำพะสัมผัสะกะเถา-
วัลย์เย้ากะรื่นเย็น
ฉาบหล้า, ชลาลัยะ, ก็ เห็น-
รุจะเต้นกระเพื่อมตาม
O ศัพท์ส่ำ ก็ สัมผัสะกะโสต
ะอุโฆษและคุกคาม
ผล, เหตุ, เภท, นยะปณาม
ระบุทราม – นะสร้างสม
O ไป่รู้จะชูธรรมะ ฤ โทษ
ก็ประโมทย์กะโสมม
เพียงรู้จะสู่รติภิรมย์
อธิคม ก็ ขวนขวาย
O ปีกกาง, ระหว่างรหัสะพจน์
พิเราะบทะรำบาย
ฟ้าแผ้ว, และแววนัยนะผาย-
นยะฉายะสั่งชี้
O ฝั่งฟ้า, วลาหกะเขยื้อน
พฤติเถื่อน ก็ เหมือนธีร
โวหาระปานประพิณะคี-
ตะกวีประจงกรอง
O ค้อนคำกระหน่ำสุภะประภาษ
ทุรชาติช่ำชอง
อำนาจและอาชญะผยอง
พิเราะร้อง จะสิ้นหรือ ?
O กี่ตรองจะมองกะเทาะกระทั้น-
ตละขั้น ผิ นั่นคือ-
คันธงนะบ่งระบุ, เถอะถือ-
นยะสื่อเสมอสาส์น
O เพ่งภาพ .. ก็ภาพศิระยะยอบ
ระยะนอบ สิ นิ่งนาน
เปือกบงกะปลงปทัสถาน
อปการะกอปรกิน !
O ฟ้าสูง สิ ฝูงสกุณะร่อน
วตะร้อนก็รวยริน
โลกต่ำกลัมพ-ระประทิน-
ก็ประพิณประไพพร้อม
O ค้อนคำกระหน่ำพละกระทบ
เถอะสยบ, เถอะพึงยอม
เอียงเท, ประเล่หะจะประนอม-
กฏะล้อม .. ขจัดเหลิง
O ฤาวาระอาวุธะพลัง
จะสะพรั่งประกายเพลิง ?
ปลื้มเปรม, เขษม, สุขะระเริง-
และประเทิง ฤ เทียบถึง
O เร้ารุมผชุมอัคนิเชื้อ
ฤ เพราะเพื่อจะพรั่นพรึง ?
ฤาเมาหะเขลาพิเคราะหะ, พึง-
กรรมะซึ้งจะตรึงสรวง ?
O ลมร่ำ, เพราะคัมภิระประพจน์,
ประจุบทะบำบวง
คล้อยเคลื่อนจะเตือนสุริยะดวง
เถอะนะล่วง .. เถอะรีบเลือน !
O ลมเห่ประเล่หะบริกรรม
สัทะธรรมะย้ำเตือน
กล่อมให้พิสัยทรรศนะเหมือน-
จะเขยื้อนขยับตอน
O เหลื่อมแสงเพราะแรงวตะกระหนาบ
และประภาพะอัมพร
ริ้วคลื่นและพื้นชละสะท้อน
ตละตอน ก็ สู่ตา
O เรื่องกล่าวจะป่าวและปริภาษ
ทุรชาติและบัญชา
เกลียวกลมผสม – ทะนุมุสา
กระแหนะหน้า สิ นับนาน !
O ใช่ปราชญ์ ก็ ปราดกระแดะแนะนำ
ปะเหลาะกรรม ก็ นำการณ์
ใช่เทียน ฤ เธียรวุฒิพิศาล
ฤ ประมาณประเมินรู้ ?
O ใช่ผู้จะสู่มติวิภาษ
ตรรกะศาสตระเชิดชู
รมย์เพียงเพราะเสียง .. ปะเหลาะเจาะหู-
กระแดะอยู่ นะ เช้าเย็น !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=29&group=212&gblog=2