Re: O เช้านั้น O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 11:45:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O เช้านั้น O  (อ่าน 6659 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 07 ตุลาคม 2018, 10:20:AM »



O งามนั้น .. O






O รูปแทนองค์ตถาคตปรากฎอยู่
รอจิตบูชิตตามสืบความหมาย
เพรียกความเงียบสงบพร้อมแวดล้อมกาย
ด้วยร่มธรรมปัดป่าย .. ตราบคลายร้อน
O กลางนิ่งนึก .. ลออรูปก็วูบไหว
หอมผ่านให้ .. หอมอยู่ไม่รู้ผ่อน
มือกบ, พักตร์ก้มต่ำ .. เหมือนพร่ำวอน-
กรรมเก่าก่อนชูชีพ .. อย่าบีบคั้น
O เรียวรูปนามงามพิสุทธิ์ .. จนสุดที่-
อาจหลีกลี้สบได้ .. เมื่อไหวสั่น-
ของอกใจ, ไฟเทียน .. วกเวียนกัน-
เข้าโอบขวัญพิมพ์ไว้ แนบนัยน์ตา
O ในท่ามกลางลำแดด .. ทอแวดล้อม
รูปงามพร้อมเนตรชม้าย-เหมือนชายหา
อิริยานารี .. งำ-ลีลา
แฝงท่วงท่าปรารมภ์ .. ให้-สมยอม !
O นั่งเท้าแขนพับเพียบดูเรียบร้อย
เนตรชม้อยชม้ายผ่าน, ความหวานหอม-
ก็แผ่ซ่านผ่านสู่ .. เกินรู้ออม
จิตที่พร้อมแพ้-พ่ายอยู่ภายใน
O เกศินีเนียนปราง .. สุดพราง-กลบ
จากแรกสบตากัน, ที่สั่นไหว-
คืออารมณ์ .. คือช่วงของดวงใจ-
ที่แกว่งไกวโยนตัวไปทั่วทรวง
O ในโบสถ์แสงหม่นครึ้ม, เสียงงึมงำ-
แห่งนัยธรรมผ่านศัพท์ .. เหมือนลับล่วง
เมื่ออีกใจฝากคำ .. เฝ้าบำบวง-
เทพทุกสรวงเหนี่ยวใจ .. อีกใครนั้น
O เห็นมือเรียวกราบลงหน้าองค์พระ
พร้อมภาวะอีกใจ .. คล้ายไหวหวั่น-
เกรงบาปบุญสั่งสม .. ไม่สมกัน-
จักพรากขวัญพิมพ์ใจ .. จนไกลเกิน !
O เหลือบสายตาชม้ายชม้อยแล้วคอยหลบ
ครั้นตาสบรอบอุทธัจ, แววขัดเขิน-
เหมือนแต้มเติมแก้มเรื่อ .. หมายเชื้อเชิญ-
การจำเริญปฏิพัทธ์ .. เต็มอัตรา
O งามเนื้อทองรูปทรงหน้าองค์พระ
เพรียกกาละภพชาติ, แรงปรารถนา-
บรรจบแล้วลุกลามจนล่ามคา-
แววในตาสุมอกเกินยกพ้น
O ทิพโลกชะลอลง .. ก็คงใช่
จาก-เหลียวไปจบรูป, ที่วูบหล่น-
หลังคาบยามสัมผัสในบัดดล,
คือ-ใจคน .. แววตา, รูปหน้านั้น !
O โอ .. เนตรชายชำเลืองที่เบื้องหน้า
หรือคอยดูทีท่าจัก .. กล้า, หวั่น ?
แววในตาซ่อนยิ้ม .. กลับพริ้มพลัน-
ที่เผลอหันมาพบ .. แล้วสบตา
O ระยิบเอย .. แววตาใต้ฟ้าต่ำ
เหมือนโน้มนำรั้งเหนี่ยวให้เหลียวหา
กลิ่นลำดวนจวนลม .. ก็พรมภา-
วะ .. คันธารสหอมแวดล้อมใจ
O สายหยุดหยุดหอมสิ้นแต่สิ้นสาย
หลังแดดฉายโชนแต้มความแจ่มใส
รูปเอย .. แต้มแววตา-รูปหน้าใคร-
จะรู้ตัวบ้างไหม .. รูปใครกัน ?
O สิ้นสาย ผ่านสาย แล้วสายสวาดิ
ลดามาศก็อวลกลิ่นล้อมถิ่นฝัน
เมื่อวางภพวางชาติมาพาดพัน-
ฤๅอาจเบี่ยงเลี่ยงขวัญคลาดกันพ้น ..?
O พร้อมแววตาอ่อนโยนนั้นโชนช่วง
ความเงียบเหงาทั้งปวงก็ร่วงป่น
ปีกนกเหยียดเต็มช่วงที่สรวงบน
เมื่อจิตคนละห้อยเห็นไม่เว้นวาย !
O ตาเหม่อมองแก้มเนียน .. ค่อยเปลี่ยนสี
ผุดผาดที่แสงสรวง .. ยอมช่วงฉาย-
เพื่อเร้ารูปฉันทาแนบตาชาย
ที่เหมือนสายเกินการต่อต้านแล้ว
O โอ .. งามฤาจะรวมลงท่วมโลก
ค่อยค่อยโยกสั่นเร้า .. อย่างเบาแผ่ว-
จวบ .. สายตาอ่อนหวานนั้นผ่านแวว-
ความผ่องแผ้ววามระยับ .. ให้จับจอง
O เปิดหัวใจในยาม .. งดงามรูป-
เข้าโลมลูบ แทรกซุกไปทุกห้อง,
ไร้เรี่ยวแรงเพียงพอ จักต่อรอง-
การยึดครอง แรงชู้แต่ผู้เดียว !
O จน .. สองมือจับของประคองถวาย-
พระ, พร้อมสายตาคอยชม้อยเหลียว-
จิตเมื่อนั้น .. จึ่งถือว่ามือเรียว-
ชวน-หวังเหนี่ยวโน้มบุญ .. ร่วมจุนเจือ ?
O แดดปลายฝนต้นหนาว .. ยังวาววับ
เนตรพริ้มพรับในยาม .. ก็งามเหลือ
เยี่ยงเถาวัลย์ลมผ่านโลมย่านเครือ
รูปอะเคื้อโลมขวัญ .. ย่อมสั่นสะท้าน !
O ผมหล่นล้อมวงหน้าเมื่อหน้าก้ม
ทุกข์ขื่นขมในกมลก็พ้นผ่าน
หลัง-สองมือแผ่ราบลงกราบกราน
สาธุการ เสียงแผ่ว .. ก็แว่วดัง
O ดวงตาเอย .. แต่คอยชม้อยชม้าย-
หรือเพียงหมายให้ละห้อย .. เฝ้าคอยหวัง ?
ชายชำเลืองซ้อนซ้ำ .. โหมกำลัง
หรือหมายสั่งชี้ชวน .. พาป่วนใจ ?
O จาก-อ่อนหวานวาบแล้วที่แววตา
จน-ตอกตรึงฉันทา .. เกินฝ่าไหว
แม้นจนรูปคล้อยเคลื่อนลับเลือนไป
ยังตรึงให้ละห้อยเห็น .. ไม่เว้นวาง
.
O แต่เมื่อเนตรซ่อนยิ้ม ค่อยพริ้มหลบ
ก็ครันครบปฏิพัทธ์เกินขัดขวาง
ซึ้งหวานหอมดุษฎีล้อมที่ทาง
จนสุดย่างก้าวหักเบี่ยงมรรคา
O จึงเมื่อเนตรพริ้มหลบหลังสบยิ้ม
และแก้มอิ่มเรื่อเรื้องอยู่เบื้องหน้า
รูปตอกตรึงลงมั่นในสัญญา-
ก็ - เหมือนว่ารออยู่ .. แต่ตรู่เช้า !
O เมื่อเนตรพริ้มพรับรออยู่ต่อหน้า
ก็รู้ว่าอาวรณ์แต่ก่อนเก่า-
ถูกแตะตื่น โลมลูบด้วยรูปเยาว์
จิตจึงต้องรุมเร้าจนสั่นรัว
O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น
คล้ายคอยสั่นไหวระลอก .. เฝ้าหยอกยั่ว-
ให้อารมณ์วกวน .. กลางหม่นมัว
อกจึงรัวลั่นอยู่ไม่รู้ยาม
O วัฏฏะวง .. สงสารเมื่อผ่านรอบ
ใจย่อมนอบน้อมทราบ .. รสวาบหวาม
ที่รายล้อมโลมรุกเข้าคุกคาม
คอยฉุดล่ามความคิด .. เหนี่ยวจิตใจ
O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น
ฤๅ-เพื่อยั่วใจหวั่น .. พาสั่นไหว
อกคนเบื้องหน้านี้ .. จะมีใด-
เอากีดกั้นหลบได้ .. จากนัยน์ตา
O ดูเหมือนจะสายเกิน .. การเมินหลบ
รูปเพรงภพหยัดหยั่ง .. เหมือนสั่งว่า-
จักเผื่อแผ่อ่อนหวาน .. ให้ผ่านมา-
ก่อระลอกเสน่หาอีกคราครั้ง
O วับวามแวว-เนตรนั้น .. เมื่อสั่นไหว
ราวจะผ่านความนัย .. ออกไหลหลั่ง
เข้าล้อมให้แววตาละล้าละลัง
ด้วยสุดยั้งระลอกคลื่นใต้ผืนทรวง
O ระลอกความอาลัย .. ดวงใจหนึ่ง
ที่ตราตรึงรูปแก้ว .. ไม่แล้วล่วง
ราวหัตถ์พรหมเหนี่ยวนำ .. เพราะคำบวง-
นั้นเริ่มช่วงกำลังเข้าสั่งการ
O ดูเถิด .. รูปแก้มอิ่ม .. เนตรพริ้มหลบ
แต่บรรจบรูปรอย .. ก็คอยผลาญ-
อกใจผู้ปรารมภ์ .. ให้ซมซาน
ทรมาน .. ทรมาด้วยอาวรณ์
O จะรับรู้บ้างไหม..ว่าใจหนึ่ง-
จมคำนึงเวียนว่ายเกินถ่ายถอน
ความอ่อนโยนอ่อนหวาน..เหมือนผ่านวอน-
เข้าออดอ้อน .. เร้ารัวทั้งตัวตน
O ดูเถิดรูปเอวองค์ .. ที่ตรงหน้า
สบแววตาปลาบปลั่ง .. เพียงครั้ง .. หน-
เหมือนอ่อนล้าไร้สิ้น .. แรงดิ้นรน
ด้วยยอมตนยอมตัว .. สิ้น-หัวใจ !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2017&date=03&group=11&gblog=683

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s