วัดหลวงตาเป็นวัดชานเมืองเก่า ผู้คนยังบางเบาไม่เกลื่อนกล่น ถนน
สายใกล้วัดน้อยรถยนต์ เจ้าซุกซนหวือหวาไม่ว่ากัน
วันหนึ่งมีรถเก๋งแล่นเข้าวัด เฉวียนฉวัดเร็วไวน่าไหวหวั่น เจ้าขวัญสงฆ์
กระโดดก๋าออกมาพลัน
“รถเก๋ง รถเก๋ง” เจ้าร้องลั่นอัศจรรย์ใจ
คนลงรถลงมาเป็นหญิงสาว เธอผิวขาวตาโตแก้มกลมใส อีกคนหนึ่ง
เป็นชายหนุ่ม-ว่องไว ชี้หน้าเด็กทันใด
“ไม่หลบรถ...เอ็งอยากตายหรือไง ไอ้เด็กบ้า”
ขวัญสงฆ์ฟังวาจา แสนกำสรด
“ก็รถน้า-นั่นสิ มันเลี้ยวลด มันคิดคดไม่หลบเด็กเล็กเล็กเลย...”
พอพูดจบเจ้าเอามือเข้าลูบปาด “ เนื้อหนังเจ้าประหลาด เจ้ารถเอ๋ย
เนื้อเจ้าแข็งเป็นมัน...”
ไม่ทันภิเปรย เจ้าของรถร้อง “เฮ้ย...เอ็งถอยไป”
“อาตมาไม่ถอยหรอก โยม อาตมาไม่ถอย” เจ้าตัวน้อยยื่นหน้าเถียง
เสียงดังใหญ่ หญิงสาวยิ้มนิดนิดเพราะติดใจ เด็กอะไรพูดจาเป็นพระเณร
จึงหันบอกชายหนุ่มเสียงอ่อนหวาน
“เออนา...พี่ชัยชาญ เด็กเขาเล่น อย่าโกรธเด็กโกรธเล็กเป็นวรรคเวร
วันนี้เป็นวันเกิดน้อง ต้องทำบุญ”
นายชัยชาญคลายคิ้วเลิกนิ่วหน้า หันมาพูดจ๊ะจ๋า-เสียงอบอุ่น
“เอาเถิดนะ ผมยอมเห็นแก่คุณ...”
เปิดท้ายรถวายวุ่นหยิบ ‘สังฆทาน’
เจ้าขวัญสงฆ์หมั่นไส้ไม่อยากช่วย แต่เดินตามไปด้วยสนุกสนาน
เจ้ากระโดดโลดเต้นเห็นเบิกบาน หญิงสาวถาม “หนู บ้าน อยู่ไหนจ๊ะ”
เจ้าชี้มือตรงแหนวไปเบื้องหน้า กุฏิใหญ่หลวงตาเห็นจะจะ
สาวหน้านิ่ว “นั่นมันกุฏิพระ...”
เด็กน้อยร้อง “นั่นละ บ้านเราเอง”
“อย่าไปฟังไอ้นี่...มันเด็กวัด สารพัดดีดวดมันอวดเก่ง เห็นผู้ใหญ่ผู้ดี
ไม่มีเกรง...ไปเถอะ เร่งไปกราบท่านกันเถอะเรา”
เจ้าขวัญสงฆ์เปลี่ยนใจไม่เดินตาม คนอย่างนี้หยาบหยามกันเปล่าเปล่า
เจ้าวิ่งตื๋อไปหาพี่ที่ต้นกันเกรา กระซิบกระซาบเบาเบาพอเข้าใจ
เจ้าเด่นเป็นหัวโจกผงกหัว กระซิบกลับ “ซ่อนตัวอย่าไปไหน...”
แล้วพี่เด่นแสนดีก็รี่ไป ปล่อยลมยางรถให้ครบสี่ล้อ
มีกลอนกี่บทเอ่ย...?