"ขับกล่อมลูก ผูกสร้อยขวัญ สรรทำนอง.."
อ่านนิทานคำกลอนของคุณ ส. เลี้ยงถนอม ด้วยอารมณ์สุนทรีย์
ใส่ทำนองร้องขับด้วยเสียงและลีลากาพย์กลอนจนลูกหลับใหล
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก
เล่มเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้..
ลูกหลับด้วยเสียง..เอื้อนเอ่ยเอย..ของแม่หาใช่เนื้อความไม่
พอลูกโตขึ้น จึงรู้ว่าลูกก็ซึมซับรับอิทธพลจากแม่ไปเต็ม ๆ
มีงานเสริมเป็นนักร้องและ ดี.เจ.จัดเพลง
ส่วนแม่ก็ได้ความชำนาญในการขับทำนองเสนาะ
นำไปถ่ายทอดให้ลูก ๆ ของท่านอื่น ๆ ฟังจนบัดนี้...
ขอบคุณ ผู้แต่ง ส. เลี้ยงถนอม
นามปากกาของท่าน ส่งผลถึง ยอม.. ถนอมกล่อมเกลี้ยง..ให้เดียงสา..
ขอยกตัวอย่างนิทานที่ใช้กล่อมลูก ๑ เรื่อง จาก ๓๕ เรื่องนะคะ
เรื่องที่ ๑๕ “เจ้าจอมจักรวาล” (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘)
๏ มีเรื่องน่าขัน สัตว์คิดสำคัญ ว่ามันกล้าหาญ
สุดที่โง่เขลา เป็นเจ้าจักรวาล จนเกิดนิทาน เล่าขานต่อมา
๏ สามสัตว์เป็นเพื่อน ไม่ยอมแชเชือน เหมือนใจเจตนา
หากินที่ใด ร่วมใจนำพา จะไปจะมา ต้องไปด้วยกัน
๏ มิเคยขึ้งโกรธ จับผิดเอาโทษ เหี้ยมโหดหุนหัน
ร่วมทุกข์ร่วมสุข กันทุกทุกวัน กลับเกิดอัศจรรย์ ถึงขั้นพิสดาร
๏ คางคกกระโดด ด้วยความลิงโลด ไปตามสถาน
เหยียบริมกะลา ครอบมาทันกาล สามสัตว์ดิรัจฉาน ถูกขังไว้พลัน
๏ กะลาใบใหญ่ พลิกมาครอบไว้ ต่างออกไม่ทัน
ทุกตัวจนใจ ใคร่ปรึกษากัน ใครหนอลงทัณฑ์ กักกันพวกเรา
๏ คิดจนเหนื่อยอ่อน ทุกตัวลงนอน พักผ่อนซบเซา
อยู่ในกะลา ถึงเพลาเช้า แต่ยังง่วงเหงา เพรามืดหนักหนา
๏ ต่างบิดขี้คร้าน เพื่อแก้รำคาญ ปวดเหนื่อยเมื่อยล้า
คางกยกตัว หัวชนกะลา ประกาศว่าข้า สูงเท่าวิมาน
๏ กิ้งกือเหยียดตัว ทั้งหางทั้งหัว จนสุดสถาน
ชนขอบกะลา หลงว่าจักรวาล ใครจะยาวปาน ข้านี้ไม่มี
๏ หิ่งห้อยได้ยิน จึงคิดถวิล เปล่งแสงรัศมี
ภายในกะลา เจิดจ้าเหลือที่ ร้องว่าข้าดี เทียมเท่าสุริยัน
๏ แย่งความยิ่งใหญ่ กันอยู่ภายใน ตามใจคิดฝัน
แตกความเป็นมิตร เพราะคิดสำคัญ ว่าตนเองนั้น เป็นเจ้าจักรวาล
๏ ต่างโมโหหัน จึงเกิดโรมรัน ประจัญประหาร
คางคกโมโห โดดโผทะยาน หัวชนวิมาน กะลาจึงหงาย
๏ มองเห็นโลกกว้าง สุดแสนอ้างว้าง พากันละอาย
หากินต่อไป มิใคร่คิดหมาย หวังเป็นเจ้านาย แห่งจอมจักรวาล
"หนังสือเล่มนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ ปกแข็ง ราคา ๓๘ บาท"
ใส่ทำนองร้องขับด้วยเสียงและลีลากาพย์กลอนจนลูกหลับใหล
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก
เล่มเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้..
ลูกหลับด้วยเสียง..เอื้อนเอ่ยเอย..ของแม่หาใช่เนื้อความไม่
พอลูกโตขึ้น จึงรู้ว่าลูกก็ซึมซับรับอิทธพลจากแม่ไปเต็ม ๆ
มีงานเสริมเป็นนักร้องและ ดี.เจ.จัดเพลง
ส่วนแม่ก็ได้ความชำนาญในการขับทำนองเสนาะ
นำไปถ่ายทอดให้ลูก ๆ ของท่านอื่น ๆ ฟังจนบัดนี้...
ขอบคุณ ผู้แต่ง ส. เลี้ยงถนอม
นามปากกาของท่าน ส่งผลถึง ยอม.. ถนอมกล่อมเกลี้ยง..ให้เดียงสา..
ขอยกตัวอย่างนิทานที่ใช้กล่อมลูก ๑ เรื่อง จาก ๓๕ เรื่องนะคะ
เรื่องที่ ๑๕ “เจ้าจอมจักรวาล” (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘)
๏ มีเรื่องน่าขัน สัตว์คิดสำคัญ ว่ามันกล้าหาญ
สุดที่โง่เขลา เป็นเจ้าจักรวาล จนเกิดนิทาน เล่าขานต่อมา
๏ สามสัตว์เป็นเพื่อน ไม่ยอมแชเชือน เหมือนใจเจตนา
หากินที่ใด ร่วมใจนำพา จะไปจะมา ต้องไปด้วยกัน
๏ มิเคยขึ้งโกรธ จับผิดเอาโทษ เหี้ยมโหดหุนหัน
ร่วมทุกข์ร่วมสุข กันทุกทุกวัน กลับเกิดอัศจรรย์ ถึงขั้นพิสดาร
๏ คางคกกระโดด ด้วยความลิงโลด ไปตามสถาน
เหยียบริมกะลา ครอบมาทันกาล สามสัตว์ดิรัจฉาน ถูกขังไว้พลัน
๏ กะลาใบใหญ่ พลิกมาครอบไว้ ต่างออกไม่ทัน
ทุกตัวจนใจ ใคร่ปรึกษากัน ใครหนอลงทัณฑ์ กักกันพวกเรา
๏ คิดจนเหนื่อยอ่อน ทุกตัวลงนอน พักผ่อนซบเซา
อยู่ในกะลา ถึงเพลาเช้า แต่ยังง่วงเหงา เพรามืดหนักหนา
๏ ต่างบิดขี้คร้าน เพื่อแก้รำคาญ ปวดเหนื่อยเมื่อยล้า
คางกยกตัว หัวชนกะลา ประกาศว่าข้า สูงเท่าวิมาน
๏ กิ้งกือเหยียดตัว ทั้งหางทั้งหัว จนสุดสถาน
ชนขอบกะลา หลงว่าจักรวาล ใครจะยาวปาน ข้านี้ไม่มี
๏ หิ่งห้อยได้ยิน จึงคิดถวิล เปล่งแสงรัศมี
ภายในกะลา เจิดจ้าเหลือที่ ร้องว่าข้าดี เทียมเท่าสุริยัน
๏ แย่งความยิ่งใหญ่ กันอยู่ภายใน ตามใจคิดฝัน
แตกความเป็นมิตร เพราะคิดสำคัญ ว่าตนเองนั้น เป็นเจ้าจักรวาล
๏ ต่างโมโหหัน จึงเกิดโรมรัน ประจัญประหาร
คางคกโมโห โดดโผทะยาน หัวชนวิมาน กะลาจึงหงาย
๏ มองเห็นโลกกว้าง สุดแสนอ้างว้าง พากันละอาย
หากินต่อไป มิใคร่คิดหมาย หวังเป็นเจ้านาย แห่งจอมจักรวาล
"หนังสือเล่มนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒ ปกแข็ง ราคา ๓๘ บาท"