Re: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 09:02:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์  (อ่าน 186507 ครั้ง)
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« เมื่อ: 22 กันยายน 2018, 10:35:AM »



"ขับกล่อมลูก  ผูกสร้อยขวัญ  สรรทำนอง.."

 ซึ้งจัง ซึ้งจัง ซึ้งจัง

อ่านนิทานคำกลอนของคุณ ส. เลี้ยงถนอม ด้วยอารมณ์สุนทรีย์
ใส่ทำนองร้องขับด้วยเสียงและลีลากาพย์กลอนจนลูกหลับใหล
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก
เล่มเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้..
ลูกหลับด้วยเสียง..เอื้อนเอ่ยเอย..ของแม่หาใช่เนื้อความไม่
พอลูกโตขึ้น จึงรู้ว่าลูกก็ซึมซับรับอิทธพลจากแม่ไปเต็ม ๆ
มีงานเสริมเป็นนักร้องและ ดี.เจ.จัดเพลง
ส่วนแม่ก็ได้ความชำนาญในการขับทำนองเสนาะ
นำไปถ่ายทอดให้ลูก ๆ ของท่านอื่น ๆ ฟังจนบัดนี้...
ขอบคุณ ผู้แต่ง  ส. เลี้ยงถนอม 
นามปากกาของท่าน    ส่งผลถึง ยอม..  ถนอมกล่อมเกลี้ยง..ให้เดียงสา..



ขอยกตัวอย่างนิทานที่ใช้กล่อมลูก ๑ เรื่อง  จาก  ๓๕  เรื่องนะคะ

เรื่องที่ ๑๕    “เจ้าจอมจักรวาล”   (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘)

     ๏ มีเรื่องน่าขัน    สัตว์คิดสำคัญ   ว่ามันกล้าหาญ
สุดที่โง่เขลา   เป็นเจ้าจักรวาล   จนเกิดนิทาน   เล่าขานต่อมา
     ๏ สามสัตว์เป็นเพื่อน   ไม่ยอมแชเชือน   เหมือนใจเจตนา
หากินที่ใด   ร่วมใจนำพา   จะไปจะมา   ต้องไปด้วยกัน
     ๏ มิเคยขึ้งโกรธ   จับผิดเอาโทษ   เหี้ยมโหดหุนหัน
ร่วมทุกข์ร่วมสุข   กันทุกทุกวัน   กลับเกิดอัศจรรย์  ถึงขั้นพิสดาร
     ๏ คางคกกระโดด   ด้วยความลิงโลด   ไปตามสถาน
เหยียบริมกะลา   ครอบมาทันกาล   สามสัตว์ดิรัจฉาน   ถูกขังไว้พลัน
     ๏ กะลาใบใหญ่   พลิกมาครอบไว้   ต่างออกไม่ทัน
ทุกตัวจนใจ   ใคร่ปรึกษากัน   ใครหนอลงทัณฑ์   กักกันพวกเรา
     ๏ คิดจนเหนื่อยอ่อน   ทุกตัวลงนอน   พักผ่อนซบเซา
อยู่ในกะลา   ถึงเพลาเช้า   แต่ยังง่วงเหงา   เพรามืดหนักหนา
     ๏ ต่างบิดขี้คร้าน   เพื่อแก้รำคาญ   ปวดเหนื่อยเมื่อยล้า
คางกยกตัว   หัวชนกะลา   ประกาศว่าข้า   สูงเท่าวิมาน
     ๏ กิ้งกือเหยียดตัว   ทั้งหางทั้งหัว   จนสุดสถาน
ชนขอบกะลา   หลงว่าจักรวาล   ใครจะยาวปาน  ข้านี้ไม่มี
     ๏ หิ่งห้อยได้ยิน   จึงคิดถวิล   เปล่งแสงรัศมี
ภายในกะลา   เจิดจ้าเหลือที่   ร้องว่าข้าดี  เทียมเท่าสุริยัน
     ๏ แย่งความยิ่งใหญ่   กันอยู่ภายใน  ตามใจคิดฝัน
แตกความเป็นมิตร   เพราะคิดสำคัญ   ว่าตนเองนั้น   เป็นเจ้าจักรวาล
     ๏ ต่างโมโหหัน   จึงเกิดโรมรัน   ประจัญประหาร
คางคกโมโห   โดดโผทะยาน   หัวชนวิมาน   กะลาจึงหงาย
     ๏ มองเห็นโลกกว้าง   สุดแสนอ้างว้าง   พากันละอาย
หากินต่อไป   มิใคร่คิดหมาย   หวังเป็นเจ้านาย   แห่งจอมจักรวาล


                                             ชอบใจๆ

"หนังสือเล่มนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒  ปกแข็ง  ราคา ๓๘ บาท"
     




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กันยายน 2018, 07:29:PM โดย พี.พูนสุข » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s