“หัวใจของบทกวีนั้น
อยู่ที่ความงาม ความไพเราะ
ให้ความรู้สึก
และความหมายที่ดี”
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
“ไม่ว่าจะเชี่ยวชาญชำนาญการเขียน
แตกฉานในการใช้ภาษาขนาดไหนก็ตาม
ถ้าความคิดเป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว
ฝีมือที่มีอยู่เกือบจะเรียกว่า
ไม่ได้ช่วยอะไรเอาเลย”
วาณิช จรุงกิจอนันต์
ได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อ ปี ๒๕๔๒ ตรงกับพิมพ์ครั้งที่ ๓
อ่านรวดเดียวจบ.. แล้วยังอ่านบางตอนซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ
ชื่นชอบกวีทั้งสองท่านมาก่อนแล้ว..
พอได้อ่านประสบการณ์ที่ท่านเล่าถึงการเป็นกวีและเป็นนักเขียนได้อย่างไรนั้น
ยิ่งตราตรึงใจ ! ได้ทั้งเกร็ด ทั้งเคล็ด และแรงบันดาลใจ
นำไปบอกต่อ และให้บริการยืมอ่านอย่างไม่ขาดสาย...
คุ้ม ! เกิน ๑๓๐ บาท
ขอยกตัวอย่างบางตอน ของท่านอาจารย์เนาวรัตน์
จากชื่อเรื่องว่า “ฉันท์หรือฉันทะความพอใจ”
ขอคัดข้อเขียนของท่านมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
“ผมเองเคยแต่งฉันท์เล่นระหว่างอยู่ชุมนุมวรรณศิลป์ ธรรมศาสตร์ โดยแต่งเป็นบทละครก็มี ต่อมาเห็นว่ายากนักก็เลยละวางเสีย
ที่ว่ายากก็คือ คำฉันท์ หรือคณะของฉันท์ไม่เอื้อต่อคำไทย ต้องใช้คำบาลี สันสกฤตเป็นหลัก เรียกว่าอ่านแล้วต้องแปลจึงรู้ความ
อ่านไม่รู้เรื่องไม่รู้ความ ก็ได้แต่ฟังขลัง ๆ ดีไปเท่านั้น นี่คือลักษณะพิเศษของฉันท์
เพื่อนผมคนหนึ่ง ชื่อ คุณนิพนธ์ ขำวิไล ชื่อเล่นว่า ได๋ แกเป็นลูกของอาจารย์ฉันท์ ขำวิไล ผู้แต่งหนังสือแบบเรียนเร็วใหม่ ที่มีประโยคว่า ป้ากะปู่ กู้อีจู้ นั่นแหละ
คุณนิพนธ์หรือได๋ แกเป็นคนติดอ่าง มีฝีมือทางเขียนเรื่องได้ฉกาจฉกรรจ์นัก วันหนึ่งแกนึกครึ้มขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ แกก็แต่งฉันท์ชื่อ อารมณ์ขันอารมณ์อ่าง ในลีลาวสันตดิลกฉันท์
ขออนุญาตคัดลอกมาให้อ่านกัน เห็นไหมครับว่าแต่งฉันท์ให้สนุก โดยไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก ๆ ก็อาจทำได้ ถ้าคุณมีอารมณ์ขันอารมณ์อ่างอย่างคุณนิพนธ์ ขำวิไล ดังนี้”
อารมณ์ขัน อารมณ์อ่าง
๏ เอ่ยเอ่ยกระอึกและละกระอัก ริจะรักก็ตรมตรม
ติดอ่างอุราละก็ระบม กลุกลุกลุ้มนะตัวกู
๏ เป็นเป็นโปะปมดะดะเดาะด้อย ระเราะร้อยก็มีอยู่
หนึ่งเดียวนะดูเถอะวะเถอะดู ผิวะรู้ยะอย่าเลือน
๏ ติดหญิงก็ติดสิวะก็ตัด สะสลัดนะแนบเนียน
ติดติดบุหรี่ก็ก็เพียะเพียร เลอะละเลิกสบายเรา
๏ ติดเหล้าก็เมาประดุจหมา แหละจะบ้าก็เลิกมา
ติดเงินสิจนอุอุระเศร้า ก็คึคึนขะเขาไป
๏ ติดอ่างมิหายขะขะขะขาด นะอนาถอเน็จใจ
พูดพูดกะเพื่อนและกะคะใคร วะก็ขบก็ขันขำ
๏ เขาหัวหัวะหัวเราะเยาะเยาะเยือก ดุจเสือกกะหนามตำ
หักคาอุราละก็ระกำ เถอะมิคร่ำมิครางครวญ
๏ กูนี้มิมีละวะจะโกรธ โทะโทะโทษจะไห้หวน
หวนไห้ทำไมละวะกัวะกวน นะนะน้ำตะตาตน
๏ สุขโศกนะโลกประดะประดับ สะสำหรับจะใจคน
กูอ่างก็อ่างเถอะวะจะจน จะมิบ่นจะทนเอา
๏ มีปากก็เป็นประดุจตูด ผิจะพูดก็อายเขา
งาบงาบพะเงิบเงอะงะนะเรา ตะละถ้อยยะยากเย็น
๏ เป็นเป็นกระวีสิวะกระจ้อย เพราะวะฝอยมะไม่เป็น
ถึงใครมิรู้และจะมิเห็น เถอะจะเฉยมิพูดโว
๏ เสียแรงนะกูสะเออะจะเกิด ก็มิเลิศคุคุยโต
ลึกลึกน่ะอยากกระแดะจะโม้ อพุโธ่พะพูดทัน
๏ แต่งแต่งก็ติดตะกุตะกุก เถอะสนุกก็แล้วกัน
ติดบ้างก็ช่างมะมะมะมัน เพราะกระสันตลก เอย
ฝากให้ คุณ toshare อ่านฉันท์บทนี้เป็นพิเศษค่ะ
อ่านรวดเดียวจบ.. แล้วยังอ่านบางตอนซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ
ชื่นชอบกวีทั้งสองท่านมาก่อนแล้ว..
พอได้อ่านประสบการณ์ที่ท่านเล่าถึงการเป็นกวีและเป็นนักเขียนได้อย่างไรนั้น
ยิ่งตราตรึงใจ ! ได้ทั้งเกร็ด ทั้งเคล็ด และแรงบันดาลใจ
นำไปบอกต่อ และให้บริการยืมอ่านอย่างไม่ขาดสาย...
คุ้ม ! เกิน ๑๓๐ บาท
ขอยกตัวอย่างบางตอน ของท่านอาจารย์เนาวรัตน์
จากชื่อเรื่องว่า “ฉันท์หรือฉันทะความพอใจ”
ขอคัดข้อเขียนของท่านมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
“ผมเองเคยแต่งฉันท์เล่นระหว่างอยู่ชุมนุมวรรณศิลป์ ธรรมศาสตร์ โดยแต่งเป็นบทละครก็มี ต่อมาเห็นว่ายากนักก็เลยละวางเสีย
ที่ว่ายากก็คือ คำฉันท์ หรือคณะของฉันท์ไม่เอื้อต่อคำไทย ต้องใช้คำบาลี สันสกฤตเป็นหลัก เรียกว่าอ่านแล้วต้องแปลจึงรู้ความ
อ่านไม่รู้เรื่องไม่รู้ความ ก็ได้แต่ฟังขลัง ๆ ดีไปเท่านั้น นี่คือลักษณะพิเศษของฉันท์
เพื่อนผมคนหนึ่ง ชื่อ คุณนิพนธ์ ขำวิไล ชื่อเล่นว่า ได๋ แกเป็นลูกของอาจารย์ฉันท์ ขำวิไล ผู้แต่งหนังสือแบบเรียนเร็วใหม่ ที่มีประโยคว่า ป้ากะปู่ กู้อีจู้ นั่นแหละ
คุณนิพนธ์หรือได๋ แกเป็นคนติดอ่าง มีฝีมือทางเขียนเรื่องได้ฉกาจฉกรรจ์นัก วันหนึ่งแกนึกครึ้มขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ แกก็แต่งฉันท์ชื่อ อารมณ์ขันอารมณ์อ่าง ในลีลาวสันตดิลกฉันท์
ขออนุญาตคัดลอกมาให้อ่านกัน เห็นไหมครับว่าแต่งฉันท์ให้สนุก โดยไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก ๆ ก็อาจทำได้ ถ้าคุณมีอารมณ์ขันอารมณ์อ่างอย่างคุณนิพนธ์ ขำวิไล ดังนี้”
อารมณ์ขัน อารมณ์อ่าง
๏ เอ่ยเอ่ยกระอึกและละกระอัก ริจะรักก็ตรมตรม
ติดอ่างอุราละก็ระบม กลุกลุกลุ้มนะตัวกู
๏ เป็นเป็นโปะปมดะดะเดาะด้อย ระเราะร้อยก็มีอยู่
หนึ่งเดียวนะดูเถอะวะเถอะดู ผิวะรู้ยะอย่าเลือน
๏ ติดหญิงก็ติดสิวะก็ตัด สะสลัดนะแนบเนียน
ติดติดบุหรี่ก็ก็เพียะเพียร เลอะละเลิกสบายเรา
๏ ติดเหล้าก็เมาประดุจหมา แหละจะบ้าก็เลิกมา
ติดเงินสิจนอุอุระเศร้า ก็คึคึนขะเขาไป
๏ ติดอ่างมิหายขะขะขะขาด นะอนาถอเน็จใจ
พูดพูดกะเพื่อนและกะคะใคร วะก็ขบก็ขันขำ
๏ เขาหัวหัวะหัวเราะเยาะเยาะเยือก ดุจเสือกกะหนามตำ
หักคาอุราละก็ระกำ เถอะมิคร่ำมิครางครวญ
๏ กูนี้มิมีละวะจะโกรธ โทะโทะโทษจะไห้หวน
หวนไห้ทำไมละวะกัวะกวน นะนะน้ำตะตาตน
๏ สุขโศกนะโลกประดะประดับ สะสำหรับจะใจคน
กูอ่างก็อ่างเถอะวะจะจน จะมิบ่นจะทนเอา
๏ มีปากก็เป็นประดุจตูด ผิจะพูดก็อายเขา
งาบงาบพะเงิบเงอะงะนะเรา ตะละถ้อยยะยากเย็น
๏ เป็นเป็นกระวีสิวะกระจ้อย เพราะวะฝอยมะไม่เป็น
ถึงใครมิรู้และจะมิเห็น เถอะจะเฉยมิพูดโว
๏ เสียแรงนะกูสะเออะจะเกิด ก็มิเลิศคุคุยโต
ลึกลึกน่ะอยากกระแดะจะโม้ อพุโธ่พะพูดทัน
๏ แต่งแต่งก็ติดตะกุตะกุก เถอะสนุกก็แล้วกัน
ติดบ้างก็ช่างมะมะมะมัน เพราะกระสันตลก เอย
ฝากให้ คุณ toshare อ่านฉันท์บทนี้เป็นพิเศษค่ะ