O เส้นแสง และแรงคะนึง O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
04 ธันวาคม 2024, 12:19:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O เส้นแสง และแรงคะนึง O  (อ่าน 3684 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 02 กันยายน 2018, 07:37:PM »







O ยิ่งกว่าสายฝนโปรย .. ลมโชยผ่าน
และดอกมาลย์รวยรินด้วยกลิ่นหอม
คือแววตาชม้อยสู่ .. เหมือนรู้ยอม-
การโอบกล่อมล้อมร่างไว้กลางทรวง
O ปลาบเปรี้ยงกลางสายฝนที่หล่นหลั่ง
วิชชุคลั่งโลดแล่น .. เย้ยแดนสรวง
แล้วซ่อนเร้นอ่อนไหวที่ในดวง-
ตาแหนหวงเจ้าเผย .. ยั่วเย้ยใคร ?
O ดวงวันบำราศฟ้า .. จันทราเสี้ยว-
ก็เลื่อนเรียวลอยรูป, แวววูบไหว-
ของดวงตาอาวรณ์กำจรนัย-
ก็ผ่านออกเผยให้ .. หัวใจรู้ !
O อาวรณ์ในแววตา .. เบื้องหน้านั้น-
ฤๅอาจกั้นกีดความ .. เมื่อลามสู่ ?
ให้สบเสพดื่มด่ำรสดำรู-
ดั่งสายฝนพร่างพรู .. ลงสู่ใจ
O สังคีตสีสั่นพลิ้วเป็นริ้วเสียง
แว่วผ่านเคียงสายฝนที่หล่นไหล
คะนึงรูปสรรพางค์ที่ห่างไกล-
แว่วเสียงแล้ว .. หวั่นไหวถึงใครกัน ?
O แม้นเลื่อนรูปนามไป .. จนไกลห่าง
หากขอบโค้งฟ้ากว้าง .. ยากขวางกั้น
เมื่อหัวใจทั้งดวง .. คอยพ่วง .. พัน-
โอบแนบอีกใจนั้น .. ทั้งวันคืน
O จันทร์เจ้าเอยเลื่อนดวงจนล่วงลับ
ดาวเคยวับวามอยู่ .. สุดรู้ขืน-
เมื่อมืดหม่นทั้งตอน .. วกย้อนกลืน-
กลบ .. ด้วยคลื่นฝนโปรย .. ลมโรยตัว
O ละห้อยหาเช่นไ ร.. หนอใจนั่น
หรือหวามหวั่นเสน่หากลางฟ้าหลัว ?
ด้วยอารมณ์ .. ด้วยขวัญที่สั่นรัว-
เมื่อแรงชู้เกลือกกลั้ว .. แนบหัวใจ
O โอภาสรูปเรขา .. ที่ฟ้าบน-
ยังคำรณคำรามเกินห้ามไหว
ฟังเถิดเจ้ารูปยุพิน .. ที่ถิ่นไกล-
เสียงอกใครเลื่อนลั่นรำพันความ
O ย่อมมิใช่ฟ้าแล่นโลมแสนสรวง
หากเป็นทรวงเสพทราบรสวาบหวาม-
หลังเผยรูป, พฤติลออ .. ลงต่อความ-
ฤๅอาจห้ามปรารถนาผู้อาลัย
O วาบวกรูปวิชชุดา .. กลางห่าฝน-
คอยว่าย-วนแทรกบทความสดใส
วาบวิ่งอยู่เบื้องหน้า .. แววตาใคร ?
ช่างอ่อนหวานอ่อนไหว .. ล้อใจคน
O ข่มจันทร์ดาวบนฟ้า .. จนลาล่วง-
เหลือสองดวงหวานละมุน .. กลางฝุ่นฝน
กระพริบแสงวาบวาม .. งดงามจน-
อกใจอลเวงอยู่ .. ไม่รู้วาย
O เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. แรงอาวรณ์-
เกินเร้นซ่อน .. ขับข่มให้ล่มหาย
รู้ไหมว่าความคำ .. พี่รำบาย-
เพื่อกล่อมสายสวาดิชู้ .. แต่ผู้เดียว
O กลางสายฝนคลุมฟ้า .. แววตาเจ้า-
เหมือนยั่วเย้าเหลือบชม้อยให้คอยเหลียว
วิชชุบนเลื่อนแล่นสองแขนเรียว-
ราวเอื้อมเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไว้ครอง
O ยามนี้ฟ้ามืดหม่น .. น้ำหล่นไหล
พร้อมหัวใจใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
หวังเพียงแววตาละห้อย .. จักคอยมอง-
รอ .. แขนคล้องเรียวร่างไว้กลางทรวง
O รอเถิดเจ้า .. เยาวรูป .. รอลูบโลม-
จากรอบโสมนัสแฝง .. ด้วยแรงหวง
ความคำพี่ร้อยเรียง .. หวังเพียงดวง-
ตาแสนห่วงใยล้น .. กระวนกระวาย !
O รอ-เถิดเจ้า .. รูปนามผู้ทรามสวาดิ
รอ-รวมชาติภพนี้ .. เป็นที่หมาย
พร้อมอาวรณ์อาลัยของใจชาย-
จักเคลื่อนคลายโอบล้อมอย่างยอมตน
O แว่วยินไหมคลื่นฝนคำรณเสียง
แปลบปลาบเปรี้ยงเปรี้ยงดัง .. ทุกครั้งหน-
ฤๅเท่าเสี้ยวส่วนในหัวใจคน-
ดังกึกก้องกาหล .. อยู่คนเดียว !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=16&group=11&gblog=652


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

@free, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s