๐ คีตาล่องลอยลมพลิ้วพรมหวน
เหมือนคร่ำครวญทวนเรื่องแต่เบื้องหลัง
ท่วงทำนองคล้องขึงตรึงภวังค์
โหมกำลังแทรกลึกให้นึกจำ
๐ เสียงสีเสียดเบียดสายราวหมายว่า
จักกล่อมฟ้ากล่อมดินให้ยินร่ำ
ล่องตามลมรวนเรโหมเห่ลำ
คล้ายคล้ายพร่ำรำพันแต่บรรพ์มา
๐ ค่ำคืนกลางวสันต์พระจันทร์เสี้ยว
ลอยรูปเคียวแคว้งคว้างกลางเวหา
มืดมนในคืนดับเหมือนหลับตา
ปิดมายาภาพทิ้งทุกสิ่งเป็น
๐ เดือนเว้าแหว่งแห่งหนก็หม่นหมอง
เลือนสิ้นแสงสาดส่องให้มองเห็น
ในอกใจพกเพียบแต่เยียบเย็น
ช่างยากเข็ญเกินขับให้ดับลง
วลีลักษณา