๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางท้องทุ่ง
หลงฟ้ารุ้งเรืองลออทอถัก
ป่าเขาเขียวเทียวธารผ่านพำนัก
ซึ่งฟูมฟักจิตใจและไมตรี
๐ คือความงามตามบทคนบ้านป่า
ดินน้ำฟ้าเกลียวกลมสมศักดิ์ศรี
ต่างผูกพันกันก่อเพียงพอดี
ตามวิถีเวิ้งว้างห่างเมืองกรุง
๐ เมื่อสมมุติฉุดฉันในวันหนึ่ง
ทิ้งทางซึ่งสันโดษจะโรจน์รุ่ง
กล่อมการไปจากป่ามาปรับปรุง
จำต้องมุ่งมั่งมีดีกว่าเดิม
๐ คนบ้านป่ามาไกลไฟความฝัน
ด้วยวันนั้นในสำนึกซึ่งฮึกเหิม
ยิ้มละไมไม่ท้อทางต่อเติม
ทั้งริเริ่มและร้างกลางเมืองคน
๐ ล้มลุกหลายเส้นทางระหว่างหวัง
และกำลังเริ่มล้าเหมือนฟ้าหม่น
มองความหมายหลายด้านการดิ้นรน
เริ่มสับสนทุกทีกับชีวิต
๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางเมืองใหญ่
หลงวิไลลวงตาว่ามีสิทธิ์
ความจริงทิ้งความฝันมันมืดมิด
แท้หลงผิดเพียงตนคนเดินดิน
๐ การไปถึงซึ่งฝันนั้นไม่ง่าย
เหมือนถมทรายลง’เลหรือจะบิ่น
เมืองยิ่งใหญ่ยิ่งไร้น้ำใจริน
เหมือนมลทินท้องฟ้าที่พร่ามัว
๐ เยื่อใยใจมนุษย์ชำรุดหลับ
เมื่ออยู่กับหน้ากากซากสลัว
จึงถอดทิ้งทางไทแก่ใจตัว
สำนึกทั่วถึงถิ่นดินน้ำฟ้า
๐ คิดถึงบ้านผ่านภาพความอบอุ่น
ตักเคยคุ้นคำใจในห่วงหา
หนักหน่วงช่วงไหนหนอในน้ำตา
ลูกแม่จ๋าถึงท้อแต่พอเพียง
๐ คำอาทรก่อนการก้าวกลับหลัง
หากกล้ำกลืนคืนฝั่งมาฟังเสียง
เพลงสายลมโลมร่ำใส่สำเนียง
จะจำเรียงขวัญขื่นให้ชื่นบาน
๐ ตะวันเคลื่อนคล้อยบ่ายบนฟ้ากว้าง
ความเวิ้งว้างวาดวันอันอ่อนหวาน
แมกไม้ สายน้ำใสละไมมาน
ซึ่งกล่อมการกลับป่ามาเตือนตน
๐ อ้อมกอดแห่งขุนเขาเข้าโอบอุ้ม
มากมิตรรุมล้อมเรียงเสียงสับสน
สาระสุขทุกข์เข็ญความเป็นคน
เพื่อจะพ้นพบไทใจดวงนี้
: จากบันทึก ต้นสาย-ปลายทาง(เขื่อนน้ำงึม2 ถึง ฮิโรชิมา)
ธรรมดา