ถึงดวงตาของฉันนั้นมืดมิด
แต่ดวงจิตสว่างกระจ่างใส
เพราะมีเธอผู้เป็นเช่นดวงใจ
นำทางไปสู่ฝันอันสวยงาม
หากชื่อและนามสกุลของตัวละครไปตรงกับผู้ใด ผู้เขียนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ มิได้มีเจตนาทำให้ท่านเสียหายแต่อย่างใด ขอให้สนุกในการอ่านนิยายนะคะ><
ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
สุวีรยา หญิงสาวผู้พิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด เธอต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนได้มาพบกับเขา ผู้ที่เป็นดั่งดวงตาและดวงใจของเธอ ความผูกพันและความรักค่อยๆเกิดขึ้นในใจทั้งสอง แต่กว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาและเธอได้รักกัน ทั้งสองต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมามากมาย เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในนิยายเรื่อง"ดวงตาของฉัน ดวงตะวันของเธอ" ได้ค่ะ^^
บทนำ
“ตะวัน เสร็จหรือยังครับ นักข่าวมาแล้วนะ” เสียงสามีของฉันตะโกนเข้ามา
“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันเปิดประตูห้องน้ำออกไป ยืนอยู่สักครู่ ก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ
“ฉันโอเครึยังค่ะ” สามีของฉันนิ่งไปครู่ ก่อนเอ่ยยิ้มๆ
“ชุดสวยมากเลยครับ”
“อ้าว ชมแต่ชุด แล้วฉันหละ”
“ตะวันก็สวยยย” เขาลากเสียงยาว เล่นเอาฉันยิ้มแก้มแทบปลิ
“แน่ใจนะคะ” ฉันถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“แน่ใจครับ เชื่อตาพี่สิ พี่เป็นดวงตาให้ตะวันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตะวันก็รู้ พี่ไม่ทำให้ภรรยาสุดที่รักของผมขายหน้าหรอกครับ”
“ฉันเชื่อค่ะ แต่ที่ถาม เพราะไม่มั่นใจในตัวเองมากกว่า ถ้าพี่ว่าดี ฉันก็โอเคค่ะ”
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิครับ อืม...พี่ว่า แป้งมันเยอะไปนะ มาครับ ผมจะเอาออกให้” เขาใช้มือเกลี่ยแป้งออกให้ฉันอย่างทะนุถนอม ฉันยืนให้เขาเอาแป้งออกให้ พรางปล่อยความคิดให้ล่องลอยสู่วันวาน กว่าจะมีวันนี้ ฉันต้องพบเผชิญกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ถ้าวันนั้นไม่มีเขา วันนี้ฉันจะเป็นอย่างไร กี่ปีแล้วนะ ที่เรารู้จักกัน
...
ตอนที่ 1 ก้าวแรกในโรงเรียน
“ถึงแล้วลูก” แม่จอดรถแล้วพาฉันเดินเข้ามาในโรงเรียน ยินเสียงรอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ฉันเดินตามแรงจูงของแม่ไปหยุดอยู่ที่แถวของนักเรียนชั้น ม. ๑
“สวัสดีค่ะหนูน้อย” เสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยทัก ฉันยืนนิ่ง จนเขาต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง จึงรู้ว่าใครคนนั้นพูดกับฉัน หมุนตัวหันไปตามเสียงนั้นแล้วยกมือไหว้
“โอโห เก่งจังเลย รู้ด้วยว่าครูอยู่ทางนี้” ฉันงงในคำพูดของครูเป็นอย่างมาก แล้วทำไมต้องไม่รู้ด้วยหละ ขยับจะเอ่ยออกไปดั่งใจคิด แต่แม่พูดขึ้นซะก่อน
“สวัสดีค่ะอาจารย์ ฝากลูกด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ ผมจะดูแลให้อย่างดีเลย” แม่หันมาทางฉัน
“ทำตัวดีๆ เชื่อฟังอาจารย์ แล้วก็อย่าดื้ออย่าซนนะลูก”
“ค่ะ” ฉันรับคำ ตื่นเต้นไม่น้อยกับวันแรกของการเปิดเทอม
“ครูชื่อครูกิตตินะคะ หนูหละชื่ออะไร” ครูกิตติเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“ตะวันค่ะ หนูชื่อตะวัน”
“ชื่อน่ารักจัง มาค่ะหนูตะวัน ครูจะพาไปที่ห้องเรียนนะคะ” ครูกิตติเดินเข้ามาจับมือฉัน แล้วพาเดินไป เขาเดินอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่เคยนำทางคนตาบอดมาก่อน ฉันเห็นท่าไม่ได้การ ถ้าเดินกันไปแบบนี้มีหวังคงได้จับกบแต่เช้าแน่
“เอ่อ ครูขา ขอโทษนะคะ วิธีการจูงคนตาบอดที่ถูกต้องคือ ต้องให้คนตาบอดจับที่ข้อศอกค่ะ”
“อ้าวเหรอ ขอโทษทีนะคะ ครูไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ฉันยิ้มน้อยๆ ไม่เอ่ยอะไร ครูกิตติเปลี่ยนให้ฉันมาจับข้อศอกแทน แต่ครูก็ยังเกร็งอยู่ดี เวลาที่ขึ้นหรือลงบันไดครูมักจะยกแขนขึ้นแขนลงตลอด จนฉันนึกขำอยู่ในใจ ‘ครูขา ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้’
...
กว่าจะมาถึงห้องเรียนได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ครูกิตติพาฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเดินไปยืนที่หน้าชั้นเรียน
“สวัสดีครับนักเรียนทุกคน” เสียงจอแจจ้อกแจ้กที่ดังอยู่เงียบลงทันที
“นักเรียนทำความเคารพ” นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทุกคนพูดพร้อมกัน
“สวัสดีครับ/ค่ะคุณครู”
“สวัสดีครับ ครูชื่อครูกิตตินะครับ เป็นครูประจำชั้นของพวกเรา วันนี้ครูมีนักเรียนพิเศษจะมาแนะนำให้พวกเรารู้จัก” พูดจบ ครูก็เดินมาทางฉัน จับมือให้ลุกขึ้น ฉันยืนขึ้นอย่างงงๆ นี่ครูหมายถึงเราเหรอเนี่ย ฉันต้องงงกับคำพูดของครูเป็นคำรบสอง ‘นักเรียนพิเศษ’ ยังไงกันนี่ เราพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน เราก็เป็นคนเหมือนพวกเขาไม่ใช่เหรอ มัวแต่คิดเพลินจนมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อครูพามาหยุดอยู่ที่หน้าชั้นเรียน เสียงกระซิบของเพื่อนๆแว่วมาให้ได้ยินเบาๆ
“ทำไมเค้าต้องให้ครูจูงด้วยละ เค้าเป็นอะไร เค้าไม่สบายเหรอ เค้ามองไม่เห็นรึเปล่า” ฉันรับฟังเสียงเหล่านั้นด้วยอาการสงบ เพราะไม่รู้สึกว่า มันจะแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน
“หนูตะวันคะ แนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยสิคะ” ครูกิตติเอ่ยขึ้นหลังจากที่พามาหยุดอยู่ที่หน้าชั้นเรียน ทั้งห้องเงียบสนิท ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ด.ญ. สุวีรยา งามยิ่ง ชื่อเล่นชื่อตะวัน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ” เมื่อฉันพูดจบ ครูกิตติก็พูดขึ้นในทันที “นักเรียนทุกคนต้องช่วยกันดูแลเค้านะ เค้ามองไม่เห็น มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน เข้าใจไม๊ครับ”
“เข้าใจครับ/ค่ะ” ทุกคนพูดพร้อมกัน จากนั้นครูกิตติก็พาฉันมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง แล้วให้ทุกคนแนะนำตัวเอง และชี้แจงเรื่องการเรียนตามลำดับ ฉันนั่งฟังครูกิตติอย่างตั้งใจ ‘เราจะต้องเรียนหนังสือที่นี่ให้ได้และดีที่สุด’ ฉันคิด โดยมิได้สำเหนียกเลยว่าอุปสรรคต่างๆที่รออยู่นั้น หนักหนาสาหัสเพียงใด
...
นั่งมาได้ซักพัก หูได้ยินเสียงเหมือนมีใครคนนึงมานั่งข้างๆ
“สวัสดีจ้าตะวัน เราชื่อน้ำฝนนะ” ฉันหันไปทางเพื่อนใหม่ทันที
“สวัสดีจ้า น้ำฝน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” น้ำฝนยื่นมือมาจับมือฉัน เขย่าเบาๆ จากนั้นเพื่อนๆก็เข้ามาแนะนำตัวให้ฉันรู้จัก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เพื่อนๆต่างเข้ามามุงล้อมฉันเต็มไปหมด พวกเขาถามเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันมากมาย
“เธอมองไม่เห็นตั้งแต่เมื่อไหร่” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“บ้า เธอไปถามเค้าอย่างนั้นได้ยังไง เดี๋ยวเค้าก็โกรธเอาหรอก”
“เราขอโทษน้า เราไม่ได้ตั้งใจ เราก็แค่...” คนถามเอ่ยเสียงอ่อย แล้วทำท่าจะร่ายยาว
“ไม่เป็นไรจ้า เราไม่โกรธหรอก เรามองไม่เห็นตั้งแต่เกิด" ฉันเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน เพราะกลัวว่าเพื่อนคนนั้นจะเสียใจ “ตั้งแต่เกิดเลยเหรอ” หลายคนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อืม...ความจริงมันก็ไม่เชิงนักหรอก แม่เล่าให้ฟังว่าแม่คลอดก่อนกำหนด เผอิญตอนอยู่ในตู้อบหมอลืมปิดตา แสงเลยเข้าตามากเลยทำให้ตาบอด แล้วพอออกมาก็เจอยาหยอดตาซ้ำเข้าไปอีก คราวนี้เลยบอดถาวร” ประโยคท้ายฉันพูดยิ้มๆ ทั้งหมดต่างร้องโอโหไปตามๆกัน
“แล้วใครเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้เธอหละ” คำถามยอดฮิดที่มักเจอบ่อย
“ฉันทำเอง”
“ทำเอง” หลายเสียงพูดขึ้นอีกครั้ง ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมทุกคนจะต้องแปลกใจมากขนาดนี้ แค่อาบน้ำแต่งตัว ทำไมจะทำเองไม่ได้หละ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วเธอเขียนหนังสือได้ไม๊อ่ะ”
“เขียนได้สิ ฉันเขียนเร็วด้วยนะ”
“เขียนได้จริงๆเหรอ ไหนลองเขียนให้ดูหน่อย” ก๊อบยื่นกระดาษพร้อมปากกามาให้
“ฉันเขียนแบบนี้ไม่ได้หรอก ต้องใช้ไอ้นี่ในการเขียน” ฉันค้นในกระเป๋านักเรียนอยู่สักครู่ แล้วหยิบสิ่งที่ต้องการออกมา
“มันคืออะไรหนะ”
“มันคือเครื่องเขียนอักษรเบลล์ เป็นเครื่องเขียนสำหรับคนตาบอด” ฉันยื่นของสองสิ่งให้ทุกคนดู สิ่งแรกลักษณะคล้ายไม้บรรทัด แต่มีแถวอยู่สี่แถว ในแต่ละมุมจะมีเข็มเล็กๆยื่นออกมา ไว้สำหรับยึดกระดาษ ในแต่ละแถวจะมีช่องเล็กๆอยู่ ๒๘ ช่อง ส่วนอีกสิ่งหนึ่งมีด้ามจับเป็นรูปวงกลม และมีปลายแหลมยื่นออกมา (บางอันอาจเป็นร่อง หรือหัวใจ ตามแต่ลักษณะที่ออกแบบ)
“แล้วมันใช้ยังไงหละ” ฉันสอดกระดาษลงไป ก่อนเขียนชื่อตัวเองแล้วพลิกให้ทุกคนดู ทั้งหมดจ้องมองอย่างแปลกใจ
“มันไม่เห็นเหมือนตัวหนังสือเลย อ่านยังไงละนี่” ฉันแสดงให้ทุกคนดู หลายคนลองเขียนๆแล้วเอาให้ฉันอ่าน ฉันก็อ่านไปตามมั่วๆที่พวกเค้าเขียนกัน ทั้งหมดต่างหัวเราะ และพูดคุยกันอย่างครื้นเครง นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยทีเดียว
...
อาจมีคำผิดบ้าง ต้องขออภัยท่านผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มีข้อแนะนำอะไรติชมและวิจารณ์กันได้ค่ะ^^
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
21 พฤศจิกายน 2024, 06:56:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: นิยาย ดวงตาของฉันดวงตะวันของเธอ (อ่าน 70397 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: