Re: ---ล่องเรือ เผื่อรัก---
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 05:46:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ---ล่องเรือ เผื่อรัก---  (อ่าน 11403 ครั้ง)
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2014, 07:18:PM »



ลงเรือน้อยลอยวนบนน้ำเชี่ยว
ฤดีเปลี่ยวเดียวดายคล้ายหวั่นไหว
กลางสายชลหม่นหมองคล้องดวงใจ
มองธารใสไหลหลั่งดั่งน้ำตา

บนเรือลำร่ำเพียงเสียงพายจ้ำ
ดังตอกย้ำสำนึกสะอึกหา
กลางสายธารม่านเหงาเคล้าวิญญาณ์
กลางธาราหัวใจไม่ต่างกัน

สอดสายตาตามฝั่งวังเวงจิต
เมื่อหวนคิดความหลังครั้งสุขสันต์
เราสองคนล่องเรือเผื่อสัมพันธ์
บัดนี้นั้นไร้เงาเจ้ายุพิน

เห็นน้ำใสไหลเย็นเป็นฟองคลื่น
แทบสะอื้นยามแลกระแสสินธุ์
ทุกหยดหยาดน้ำใสที่ไหลริน
คล้ายถวิลเพียงเธอชะเง้อคอย

อยู่ไหนหนอทรามวัยโปรดได้กลับ
พี่รอรับขวัญนางอย่างเหงาหงอย
เพราะคิดถึงเกินไปใช่สำออย
ฤาจะปล่อยพี่ตายไปพร้อมเรือ

"มุนีน้อย"



ริมตลิ่งหญิงหนึ่งคะนึงเหงา
ซึมซบเซาเศร้าแฝงตาแดงเรื่อ
ขาดไออุ่นหนุนตักเคยพักเจือ
นั่งมองเรือล่องไกลในวารี

อนาถนักรักลาชะตาหนอ
เจ็บเกินพอท้อใจไร้สุขี
เศร้าเหงาหม่นทนหมองครองฤดี
กว่าสิบปีที่พ้อ รอเธอมา

ใต้ต้นไทรใบเรียวเขียวชอุ่ม
ทนนั่งกลุ้มกุมขมับสลับท่า
ยึดเอาเป็นที่หลักพักอุรา
นั่งมองน้ำกับฟ้ารักษาจินต์

ตะวันพลบหลบต่ำใกล้ค่ำแล้ว
เรือยังแจวพายจ้ำท่ามสายสินธุ์
เพียงชายเดียวเปลี่ยวดายคล้ายโรยริน
มองจนชิน ลูกตา..อ๊า.า.หล่อจัง

เรือลำน้อยลอยใกล้ยิ่งใจสั่น
ชะรอยฉัน คราวนี้คงมีหวัง
ได้คนปลอบเปรอจินต์หายภิณท์พัง
โดดจากฝั่งลงน้ำ ซ่า.า.า.ต่อหน้าชาย

"ดิน"




ฟังเสียง ตูม!! ดังชัดถนัดถนี่
นึกว่าผีหลอกให้ใจสลาย
สยองแน่คราวนี้เป็นผีพราย
ลอยสยายผมตามท่ามสายชล

ผีพรายน้ำทำมุนีขวัญหนีฝ่อ
เกิดมาหนอเพิ่งพบประสบผล
กลางวันแสกแปลกดีมีพิกล
พินิจจนเห็นอ้าว! เป็นสาว "ดิน"

รีบโดดเรือทันใดไม่รอช้า
สองมือคว้าหลังเธอกลัวเผลอดิ้น
มอบ"ลุงไพร" ผายปอดยอดชีวิน
มุนีผินหน้าหลบพบบาดตา

แก่ต่อแก่ผายปอดจอดทั้งคู่ ขำแบบกระแดะหน่อยๆ
มุนีอยู่ข้างข้างวางสีหน้า
จึงต้องช่วยลุงไพรใช้วิชา
พอฟื้นมาร้องไห้ไล่ถามทวง

คนหล่อมักมาช้าอย่าได้ถือ หัวเราะยิ้มๆ
เพราะ"ดิน" คือที่หนึ่งซึ่งสิ่งหวง
เช็ดน้ำตาปลอบขวัญอย่าหวั่นทรวง
พี่ยังห่วงนงเยาว์เท่าชีวัน

"หล่อโดดน้ำ" คำนี้ "มุนีฯ"ได้ หน้าโคตรลามกน้ำยายไหย
"ฉายา" ใหม่ เพราะ "ดิน" บินตามนั่น
ส่วน"ลุงไพร" เช็ดน้ำหมาก ปากเป็นมัน
โดนสาว "พันฯ" แซวเสีย นั่งเพลียใจ ยิ้มแฉ่งฟันหลอ

 ส่งจูบจ้ะ เอ้อ..จริงว่ะ หัวโขมย

"มุนีน้อย"

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

ไพร พนาวัลย์, พี.พูนสุข, panthong.kh, รพีกาญจน์, D, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กุมภาพันธ์ 2014, 07:39:PM โดย muneenoi » บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s