-กลอนเรียง-
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 08:29:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: -กลอนเรียง-  (อ่าน 1712 ครั้ง)
พิมพ์วาส
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 422
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


Pretending is the beginning of changes.


« เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2014, 05:01:PM »



               ระลอกคลื่นเกลียวฟ้าในหน้าแล้ง ตัดอาทิตย์อิฐแดงเดินดุ่มหน้า เด็กหญิงน้อยหมวกฟางใต้ชายคา เผยด้วยตาเต็มดวงหน่วงทุกข์ร้อน แดดกำลังตีวงเป็นเกลียวคลื่น เงาไม้ดื่นทอดจับจูบสิงขร เท้าเปล่าเปลือยเลียบเลาะลัดทางจร ความอาทรเผยไสวในแววตา
               "พ่อบอกว่าเดี๋ยวพ่อกลับมาแน่ แม่บอกแม่ให้หนูรออยู่หนา หนูนั่งนิ่งเนิ่นนานที่ผ่านมา แดดก็จ้าร้อนก็ร้อนหนูสู้ทน พ่อกับแม่ลืมหนูไปหรือเปล่า หนูทั้งเหงาหนูทั้งเศร้าหนูสบสน หนูนั่งนิ่งหนูวิตกหนูกังวล หนูคงหม่นถ้าไม่กลับมารับกัน" เสียงรำพันพัดพาเผยคำถาม หัวใจงามงกเงิ่นเผชิญสั่น สองเท้าน้อยเดินไปไร้ทางตัน แต่ที่หลั่นตีบนี้คือชีวิต หาเผยผุดจุดหมายให้เดินได้ มองทางไหนหนักหน่วงล้นดวงจิต มีทางเดินไร้ทางไปทุกสารทิศ เอยเจ้าสิทธิ์สบสิ่งสร้างคงร้างลี้
               มองเงาทอดกอดจันทร์คล้อยฝันฟุ้ง ทะเลมุ่งมอบคลื่นซัดครืนหนี ดวงดาราหยอกกะพริบวับวิบพลี ธรณีอบอุ่นก็ไม่ปาน ดวงตาใสมองร่างซึ่งผ่านทางแยก มืออุ่นแปลกจับบ่าลดหน้าหวาน ลงมามองด้วยยิ้มชื่นอิ่มบาน "อย่าอยู่นานไปกับพี่นะหนูน้อย" เด็กหญิงตามร่างสวยด้วยใจชื้น ก้าวขายืนเคียงข้างรางเลือนหงอย นิ้วเรียวชี้ชวนไปให้เห็นรอย คิ้วเรียวพลอยมุ่นขมวดเมื่อมองดู "นั้นมันรอยอะไรคะพี่สาว ลากเลื่อนยาวกับซากรถน่าอดสู มองไปแล้วน่ากลัวอย่างไรไม่รู้ อันตัวหนูไม่อยากเห็นเช่นนี้เลย" หน้าจิ้มลิ้มส่ายน้อยน้อยเมื่อถ้อยตอบ ความไม่ชอบเปิดพจน์ในบทเผย ภาพเบื้องหน้าเร้นภิรมย์น่าชมเชย เจ้าเฉลยตามตรงพะวงแด
               ดวงตาสาวเจ้าจ้องมองเด็กหญิง หัวใจดิ่งปวดร้าวราวเป็นแผล ทั้งสงสารทั้งยากเอ่ยภิเปรยแปล ความหมองแพร่พาพัดกระจัดกระจาย "หนูน้อยคะชีวิตไร้สิทธิ์เที่ยง มีเอนเอียงประเดี๋ยวเกิดประเดี๋ยวหาย เช้ายังอยู่กลางวันเล่นตอนเย็นตาย มันไม่ง่ายจะหาญประมาณเป็น" เมื่อครั้นเอ่ยเด็กหญิงน้อยน้ำตาท่วม หัวใจอ่วมอกสั่นหวาดหวั่นเห็น มือน้อยเจ้าหนาวเยียบเฉียบไอเย็น สบตาพบประเด็นที่ทบความ "พี่สาวคะพี่หมายเป็นเช่นไรคะ ตัวหนูน่ะไม่กระจ่างเลยเผยถาม ให้พี่สาวบอกหนูปูพื้นตาม ที่เอ่ยนามเนื้อเรื่องอย่างเคืองช้ำ" รอยยิ้มหวานหุบปลิดมิดเม้มแล้ว มองหน้าน้อยแน่แน่วไร้แววขำ สาวเจ้าเข้าโอบกอดร่างน้อยนำ อุ้มขึ้นตักขับลำนำผ่านถ้อยวาง "แม่พ่อของหนูท่านผ่านลับเร้น ท่านไปเส้นสุดรอบขอบฟ้าสาง ท่านไม่กลับท่านไม่มาท่านเลือนราง ทางรางชางของพวกท่านนั้นจบลง เหลือเพียงหนูไม่รู้ตัวอยู่อย่างนี้ ไร้ทางที่ทอดเดินเหินทิศหลง ร่างหนูไร้วิญญาณหลุดสุดปลดปลง เส้นทางตรงคดเคี้ยวลดเลี้ยวนัก" เมื่อพูดแล้วเด็กหญิงน้ำตาพราย พบว่าตัวตน...ตาย...หมองไหม้หนัก หญิงสาวลุกพร้อมจับมือถือพร้อมพรัก “ไปกันเถอะที่รักในทางเรา” สองวิญญาณเดินผ่านในม่านหมอก เกลียวคลื่นกลอกไห้เห่ทะเลเศร้า พระพายพัดพร้อมจูบบางหวังบรรเทา ทิ้งรอยเงาอดีตชาติขาดเพียงนี้เอย...


 
           cr.picture from internet





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

กังวาน, รัตนาวดี, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, สุวรรณ, muneenoi, panthong.kh, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, ศรีเปรื่อง, แป้งน้ำ

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กุมภาพันธ์ 2014, 08:18:PM โดย พิณพาทย์ » บันทึกการเข้า

ความผกผันของเวลา  เฉือนเจตนาของอารมณ์

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s