Re: คำฉันท์ (2)
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 08:20:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: คำฉันท์ (1)  (อ่าน 5011 ครั้ง)
toshare
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 303
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,388



« เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2014, 01:19:PM »

คำฉันท์ (2)

โชติช่วง นาดอน
(ทองแถม นาถจำนง)

    พลิกข้าม “สมุทรโฆษคำฉันท์” ไปดู “เสือโคคำฉันท์” กันก่อน

    เสือโคคำฉันท์เป็นฝีมือพระมหาราชครู คนเดียวกับที่แต่งสมุทรโฆษคำฉันท์ตอนต้นเรื่อง  เรื่องเสือโคคำฉันท์นั้นแปลงมาจากเรื่องในปัญญาสชาดก เนื้อเรื่อจึงสนุกกว่า
และพระมหาราชครูใช้ฉันทลักษณ์ ฉบัง 16 กับ สุรางคนางค์ 28 จึงอ่านง่ายกว่าสมุทรโฆษคำฉันท์

    แต่เราลองมาอ่าน “ฉันท์” แท้ๆ ในเสือโคคำฉันท์กันสักตอน

    เมื่อหลวิชัย (เสือ) กับคาวี (โค) ที่พระฤาษีชุบเป็นคน เรียนวิชาจากพระฤาษีจบแล้ว พระฤาษีสั่งให้เดินทางจากไป เพื่อ

    ๐ ให้เจ้าทั้งสองเสด็จไป      เสวยราไชยใน
    พิภพองค์แลกุรุง
    สมศรีสมศักดิ์สมสูง           สมเดชอดุง
    บดินทรเจ้าครอบครอง ฯ

    ต่อไปพระฤาษีก็เศกมนต์อวยชัยแก่หลวิชัยและคาวี ฉากนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์ จึงใช้ฉันทลักษณ์ให้ขลัง

    สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ 19

    ๐ เมื่อนั้นอรัญญิกมุนีฤษีสาธุผันผยอง             
    แจ่มจันทรเจิมจอง         ชฎา
    เฉวียงสายพรรณรายสูตรวิภุสนพัตรมา           
    ลัยเลปน์กามา            ตระศัก
    เบญจางคจิตรจำนงจำนำกรรฐอนรรฆ             
    เกาบิณชินชัก             ประดับ
    นิ้วนวยนัขอนามิกากรก็สรับ               
    กับด้วยประวิช            ก็ธาร
    โอมอ่านอาคมเวทอวยพรพิศาล
    เศกสองยุพาพาล          กระษัตริย์
    อวยฤทธิเดชยาธราพัทธ
    อวยสิทธิอวยสวัสดิ์         สองเสมอ
    แล้วชี้ช่องทิศวราจราจรจะเปรอ
    ให้สองลิลาเลอ           ประภาษ ฯ

    เอามาให้นักเรียนสมัยนี้อ่าน นักเรียนคงถอยหนีหมด ก็ขนาดกลอนแปดธรรมดาๆ ที่แต่งในยุคใกล้ๆ นี่เอง ยังตีความกันไม่ออกเลย อย่างที่อาจารย์ธเนศ เวศร์ภาดา เล่าว่า
(หนังสือ “ทะเลปัญญา”  บท “ฤาวาสนาน้องจะต้องกัน”) นักศึกษาไม่เข้าใจกลอนในเรื่องอิเหนา ที่ว่า

    ๐แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย
     อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า
     พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา
     ฤาวาสนาน้องจะต้องกัน ๐

     นักศึกษาตีความว่า  ต้อง- กีดกัน

     ไม่รู้ความหมายของ “คนเราวาสนามันต้องกัน” เป็นคู่บุพเพสันนิวาสกัน

     ลองเปรียบกับกลอนลิเก จากหนังสือการ์ตูนหลวิชัย-คาวี วาดโดยคุณประยูร จรรยาวงษ์  ส่วนกลอนลิเกนั้น ในหนังสือมิได้ระบุไว้ว่าใครแต่ง

     แต่ว่าลิเกเรื่องนี้  “คึกฤทธิ์ ปราโมช” และคณะจัดแสดงเพื่อหารายได้สมทบทุนให้สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย แสดงรอบเดียว หม่อมคึกฤทธิ์แสดงเป็นหลวิชัย คุณประยูร จรรยาวงษ์ แสดงเป็นคาวี

     คำกลอนตอนพระฤาษีเศกอวยชัยให้พร หลวิชัยคาวีนั้นว่า

     ๐ เจ้าจะต้องจรดลไปผจญภัย             แม้นเกิดเดือดร้อนอะไรจงรำลึกถึงตา
     ตาจะรีบเหาะเหินไม่ก็รีบเดินไปช่วย        เจ้าจงรีบไปด้วยความมุ่งหน้า
     เจ้าจะได้ดิบได้มีบุญญา
     จงเตรียมเนื้อเตรียมตัวเถอะอย่ามัวห่วงตา
     ตานั้นมีเวทย์วิทยาออกเหลือหลาย
     ถึงอยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าก็คงเศร้าใจหน่อย     พักเดียวก็ค่อยระงับได้
     เจ้าจงเชื่อฟังคำสั่ง                     ตาจะได้นั่งสบาย
     เจ้าคาวีหลวิชัยจนใจแท้                  อ้อนวอนจนยอมแพ้จำต้องลีลา
     จัดข้าวของเครื่องรางพลางสะอึกสะอื้น       หัวใจเต็มตื้นเป็นหนักหนา
     พระเจ้าตาเหมือนบังคับแกล้งขับไส          เราบอกว่าไม่ไปท่านขมรึงตา
     โอ้ทุกข์ใหญ่หลวงทรวงสะท้อน              ไม่ให้อุธรณ์ฎีกา
     ครั้นแต่งตัวเสร็จพลันมิทันช้า               ก็ค่อยคลานออกมา 
     เร็วตาจะสั่งจะเสีย                     จะอบรมจรรยาทั้งปรัชญาเรื่องเมีย
     หลานเอ๋ยสองหลานแก้ว                  เจ้าปีกหางแข็งแล้วตาประสิทธิ์ให้
     บัดนี้เจ้าจะไปไกลจากตา                 เจ้าอย่าลืมวาจาที่ได้อบรมไว้
     อันช้างสารงูเห่าข้าเก่าเมียรัก             พึงระวังจกหนักอย่าได้วางใจ
     แม้นประมาทจะพลาดหนักถึงตักษัย......”

     คำฉันท์ฉากพระฤาษีเป่าเศกอวยชัยให้พร หลวิชัยและคาวีนั้น เหมาะสมจะเป็นคำพากย์เชิดหนังใหญ่
     มีความอลังการ ขลัง ศักดิ์สิทธิ์

     ส่วนกลอนลิเกนั้นฟังสนุกสนาน เล่นหยอกล้อกับชาวบ้านผู้ชมได้

     ทั้งคำฉันท์และคำลิเก เป็นมรดกไทยที่ลูกหลานไทยต้องรู้จักภูมิใจกันบ้าง
     อย่าปล่อยให้ถูกลืมไปเหมือนจมทรายจมดิน....

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

ดอกกระเจียว, ชลนา ทิชากร, รัตนาวดี, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, พยัญเสมอ

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s