Re: ขอความกรุณาท่านผู้แตกฉานพุทธศาสน์อักษรศาสตร์และกวีนิพนธ์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 07:37:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความกรุณาท่านผู้แตกฉานพุทธศาสน์อักษรศาสตร์และกวีนิพนธ์  (อ่าน 7765 ครั้ง)
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 07:32:PM »

ขอร่วมแจม แสดงความเห็นด้วย...แต่ขอออกตัวก่อนว่ามิใช่ผู้รู้ ขอสุ่มๆ ไปตามความเห็นส่วนตัว

ดูจากศัพท์ที่ผู้แต่งใช้ แน่นอนว่า มีภาษาและสำนวนโบราณพอสมควร และใช้หลักภาษา ๓ ภาษาใหญ่ๆ คือ มคธ หรือบาลี (ทางพุทธ)-สันสกฤต-ภาษาไทย (ยุคเก่า)
บางศัพท์แสงและสำนวนสมัยนี้ แทบไม่ใช้กันแล้ว เพราะฉะนั้น จึงเป็นการยากที่จะแปลให้ได้ใจความเป๊ะๆ (และก็เป็นสาเหตุหลักสุด ที่ทำให้จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ใด แปลลิลิตนี้ได้แบบ 100%)

เนื่องจากไม่มีต้นฉบับ (ดูเอาจากที่นำมาโพสต์กันนี่แหละ) เลยจะขอเอาศัพท์ที่คิดว่าน่าจะตรงต้นฉบับมากที่สุด มาวิจารณ์ ดังนี้

๑. วรรคแรก  เบญจาวุทราษฏรบั้น เบญจางค  ถอดความดังนี้
               คำว่า เบญจาวุท ตรงกับ ต้นฉบับบาลีว่า ปญฺจ+อาวุธ(อ่านว่า -จะ+-ธะ) (อาวุธ ๕ ประการ) สมัยก่อนภาษาไทย อาจใช้คำว่า อาวุท ก็ได้...ผู้แต่งคงไม่น่าจะเผลอหรือใช้คำผิด
                คำว่า "ราษฏร" กับ "เบญจางค" ความหมายน่าจะตรงตัว รวมแล้วน่าจะแปลว่า "ผู้มีราษฎรดังอาวุธ ๕ ประการ อยู่ในพระวรกายทั้ง ๕ ส่วน"

๒. วรรคสอง เบญจมารเบญญา ผ่าแผ้ว
                คำว่า เบญจมาร ตรงกับต้นฉบับบาลีว่า ปญฺจ+มาร (มาร ๕), เบญญา ต้นฉบับบาลี คือ ปญฺญา....ดูจากศัพท์ เจตนาผู้แต่งต้องการให้โยกศัพท์อื่นแปลร่วม ว่า
                "ใช้ปัญญา เอาชนะมารทั้ง ๕ จนผ่าแผ้ว..."

๓. วรรค ๓ (วรรคปัญหา) เบญจาพิชานาง คฌาเณศ
              ขอคิดเห็นเป็นประเด็น ดังนี้
                 ๑) ถ้าตัดคำว่า "นาง" ออก จะเหลือ เบญจาพิชา-  สันนิษฐานจากเจตนาความหมายผู้แต่งอีก ๓ วรรคที่เหลือ  ๓-๔ คำแรกของแต่ละวรรค เขาจะสื่อถึงศัพท์ที่
                     มีความหมายว่า "...สิ่งนั้น มี ๕ อย่าง" ถ้าตามความหมายนี้ คำนี้ น่าจะแยกตามต้นฉบับบาลีว่า ปญฺจ + วิชฺชา (ความรู้ ๕ อย่าง, อาจหมายถึง อภิญญา ๕ ก็ได้)
                     ซึ่งน่าจะเป็นความหมายที่ถูกที่สุด แต่ถ้าว่าตามหลักสนธิศัพท์(ตรงนี้ที่น่าสงสัย) ถือว่าผิด เพราะ ปญฺจ (ปัญจะ) กับ วิชฺชา...ถ้าสนธิกันตามหลักจริงๆ จะได้ว่า
                     ปญฺจวิชฺชา...ถ้านำมาใช้เป็นภาษาไทยก็ควรจะเป็น เบญจพิชา มิใช่ เบญจาพิชา...ทีฆะ อะ เป็น อา ไม่ได้ ผิดหลักสนธิกิริโยปกรณ์
                     แต่ถ้าผู้แต่งต้องการสื่อความตามความหมายข้างต้น ไม่เน้นหลักภาษาตรงนี้ ความหมายก็ตามนั้น
                
                 ๒) ถ้าเพิ่มคำว่า "นาง" เข้ามา จะเป็น เบญจาพิชานาง....คำว่า "นาง" มิใช่ภาษาบาลี(ภาษาบาลีใช้ นารี) แต่ผู้แต่งนำมาบวกเข้า....อาจจะต้องการให้มีความหมายว่า
                     "ท้าวเธอ"(ตามความหมายคุณ พรายม่าน)...จะได้ว่า "ท้าวเธอผู้มีความรู้ ๕ ประการ ดุจพระพิฆเนศ" (ถ้า คฌาเณศ หมายถึง พระพิฆเนศ)
                     แต่ถ้าจะคิดว่า "นาง" ผู้แต่งต้องการให้เป็นบาลีเช่นกัน คำที่น่าจะไกล้เคียงสุด ก็น่าจะมาจาก อวิชานน+ องฺค (ตามความหมายคุณ เพรางาย)

                     ก็จะแยกได้ว่า ปญฺจ + อวิชานน + องฺค สำเร็จรูปเป็น ปญฺจาวิชานนงฺค ภาษาไทย(ตามที่ผู้แต่งใช้)ก็น่าจะเป็น เบญจาพิชานางค หรือ -นาง(ตามนั้น)
                     อันนี้ไม่ผิดหลัก สนธิกิริโยปกรณ์ เพราะทีฆะ อะ เป็น อาได้ ลบสระหน้า ทีฆะ สระหลัง (สระ อะ ตรงปัญจะ, สระหลัง ตรง อะวิช เป็น อาวิช หรือ อาพิ-)
                    
                     ทีนี้ถ้าแปล (ตามประเด็นที่ ๒) ถ้าแปลตามตัว จะแปลว่า "องค์แห่งความไม่รู้ ๕ อย่าง" (ซึ่งไม่น่าจะใช่ความหมายที่ผู้แต่งต้องการสื่อแน่ๆ)
                    
                     และถ้าแปลโดยโยกศัพท์อื่นมาประกอบเพื่อให้ได้ความที่ดี (ทีนี้แหละยาวเลย เพราะโยกได้เยอะ......) ยกตัวอย่าง ความหมายที่น่าจะใกล้เคียงเช่น
                     แปลว่า "ชนะองค์แห่งความไม่รู้ ด้วยอภิญญา(หรือ)....๕ อย่าง ดุจพระพิฆเนศ" ฯลฯ (ความหมายประเด็นที่ ๒ น่าจะอ่อนกว่าประเด็นที่ ๑...มุนีน้อย)

                     แต่หาก คฌาเณศ หรือ ศัพท์อื่น(นอกจาก นาง...) ในวรรคนี้ มีความหายถึง "หญิงสาว" หรือ "ความงาม"
                     ก็น่าคิดว่า อาจจะหมายถึง "เบญจกัลยาณี" (ตามความของคุณดาว อาชาไนย)


๔. วรรค ๔ เบญจนิวรณแร้วร้าง ร่างเหน
              เบญจนิวรณ ตรงกับต้นฉบับบาลีว่า ปญฺจ + นิวรณ (นิวรณ์ ๕ ประการ)
              วรรคนี้ ความหมายตรงตัวอยู่แล้ว โดยความคือ "ปราศจากนิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ" นั่นเอง....

              ที่กล่าวมาทั้งหมดตรงกับของหลายๆ ท่าน และแตกต่างกันบ้าง....รออีกหลายท่านแสดงความเห็น ยิ้มให้จ้ะ

                                          เคารพรัก

                                           "มุนีน้อย"

                              
[/size]

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, รพีกาญจน์, เพรางาย, panthong.kh, รัตนาวดี, กามนิต, ศรีเปรื่อง, สมนึก นพ, ชลนา ทิชากร, พยัญเสมอ, ดาว อาชาไนย, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 08:20:PM โดย muneenoi » บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s