กลีบราตรีคว้างลอยร่อนลงพื้น
ในค่อนคืนดื่นดาว คราวใจเผลอ
ชมวามแสงแห่งสรวงช่วงละเมอ
จนเผลอเพ้อเฮ้อรักหนอหนักใจ
ทั้งรักเอย รักแท้ ฉันแพ้พ่าย
ในนิยามความหมายเมื่อขานไข
ยากตีความนามเนื้อเหลือหทัย
แล้วแต่ใครให้ความหมายในนิยาม
ขอเพียงผ่อนสายตาอารมณ์ทอด
มองตลอดฝั่งฟ้าคราตีสาม
เห็นนภาดาราวับวาววาม
ใจไหวหวามให้นึกรักดาวแล้วเอย
นึกคำลงท้าย สระอาม ในกลอนบทที่สามไม่ออก ขออนุญาตสมมติว่าเป็นตีสามนะคะ
ในค่อนคืนดื่นดาว คราวใจเผลอ
ชมวามแสงแห่งสรวงช่วงละเมอ
จนเผลอเพ้อเฮ้อรักหนอหนักใจ
ทั้งรักเอย รักแท้ ฉันแพ้พ่าย
ในนิยามความหมายเมื่อขานไข
ยากตีความนามเนื้อเหลือหทัย
แล้วแต่ใครให้ความหมายในนิยาม
ขอเพียงผ่อนสายตาอารมณ์ทอด
มองตลอดฝั่งฟ้าคราตีสาม
เห็นนภาดาราวับวาววาม
ใจไหวหวามให้นึกรักดาวแล้วเอย
นึกคำลงท้าย สระอาม ในกลอนบทที่สามไม่ออก ขออนุญาตสมมติว่าเป็นตีสามนะคะ
กลีบราตรี คลี่บาน ผ่านสายลม
เขาเด็ดชม ดมสิ้น กลิ่นระเหย
ทิ้งโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา เหี่ยวเฉาเลย
ราตรีเอ๋ย เชยกลิ่น สิ้นราคา
ความรักเอย เคยแท้ กลับแพ้พ่าย
หมดความหมาย คลายกลิ่น สิ้นคุณค่า
รุ่งอุษา ฟ้าใส ใครนำพา
เคยห่วงหา ราร้าง จางกลิ่นไป
ขอวิงวอน ย้อนราตรี นี้หวนคืน
ยามดึกดื่น ชื่นกลิ่น ถวิลใกล้
จะโชยกลิ่น รินรส จนหมดใจ
ขอวอนไหว้ ใคร่ครวญ เธอหวนมา
ชลนา ทิชากร
เขาเด็ดชม ดมสิ้น กลิ่นระเหย
ทิ้งโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา เหี่ยวเฉาเลย
ราตรีเอ๋ย เชยกลิ่น สิ้นราคา
ความรักเอย เคยแท้ กลับแพ้พ่าย
หมดความหมาย คลายกลิ่น สิ้นคุณค่า
รุ่งอุษา ฟ้าใส ใครนำพา
เคยห่วงหา ราร้าง จางกลิ่นไป
ขอวิงวอน ย้อนราตรี นี้หวนคืน
ยามดึกดื่น ชื่นกลิ่น ถวิลใกล้
จะโชยกลิ่น รินรส จนหมดใจ
ขอวอนไหว้ ใคร่ครวญ เธอหวนมา
ชลนา ทิชากร