ครั้้งกระโน้นชาวบ้านกลอนออนทีละยี่(สิบ)
มาบัดนี้เขาออนกันเกือบพันแล้ว
เป็นเวทีกวีใหม่ได้ฉายแวว
ฝ่ายดอกกระเจียวนั้นดังแล้วจึงจากลา
ครั้งไม่ดังดั่งหิ่งห้อยแสงเรืองไร
ร่อนเร่มาบ้านกลอนไทยด้วยใฝ่หา
คบเพื่อนมิตรใช้บทกลอนต่างวาจา
ได้พบปะเฮฮาประสาใจ
บางครั้งที่นี่เกือบเปลี่ยนเป็นสังเวียนมวย
ดอกกระเจียวก็ร่วมด้วยตามนิสัย
บางครั้งต้องเป็นกรรมการอย่างจำใจ
บ้างต้องเป็นหมอผีไล่เมื่อปอบมา
ในบางครั้งก็เป็นครูสอนเด็กบ้าง
แนะแนวทางแต่งกลอนสอนศึกษา
ที่นี่เหมือนเป็นบ้านเก่าแต่นานมา
แม้บ้านอื่นจะมาชวนก็ไม่ไป
นี่สี่ปีห้าปีแล้วหรือนั่น
ขนาดผมมันยังเปลี่ยนสีโอ้ไฉน
กลอนบทนี้คนเขียน เขียนอย่างตั้งใจ
เหมือนผีเก่าหาผีใหม่อย่าลืมกัน
ธรรมดาถึงป่าเขาลำเนาไพร
ถิ่นสถานทั่วไปทั้งเขตุขัณท์
แต่ล้วนมีเจ้าที่กันทั้งนั้น
(ดอกกระเจียว)จึงคาราวะโดยพลันโปรดปรานี