หากทิวาราตรีไม่มีสร้อย
จากน้องน้อยหนึ่งโสมประโลมขวัญ
ดั่งทิวามืดมิดสถิตทัณฑ์
อุระพลันหมองหม่นท่วมชลนา
ศศิเอ๋ยเคยส่องผุดผ่องสาย
สิ้นประกายแห่งโสมประโลมหล้า
ดั่งจันทร์แรมแซมหม่นสุคนธา
ชายชราหน้าแห้งหมดแรงรอ
อักขราพาชื่นระรื่นจิต
ดั่งจุมพิตจากสรวงสู่ทรวงฝ่อ
สายพิรุณโปรยปรายประกายทอ
ละมุนช่อบุปผชาติที่หยาดริน
อักษราสาวน้อยจากดอยฝัน
เฝ้าจำนรรจ์ชวนพิศนิจสิน
ดั่งจะห่มท้องนภาเป็นอาจิณ
ธรณินทร์สินธรขจรไกล
“ไพร พนาวัลย์”
.............◇.............
ดั่งวสันต์โปรยปลิวพริ้วพรมพร่าง
จับใจนางตระการมานหวั่นไหว
กลอนฉ่ำหวานซ่านซึ้งตรึงฤทัย
ห่มดอยไกลสุขห้อมน้อมกวี.
.............◇.............
โสมสาดส่องล่องลอดพรอดก้อนเมฆ
เหมือนดั่งเสกอักษรคู่ดูสวยศรี
งามกว่าใดในหล้าประดามี
ถ้อยพจีหวังสื่อคือสองคน
.............◇.............
พุ่งทะยานเหนือฟ้าสู่อากาศ
เรียงร้อยวาดขับขานจารเวหน
หอบวารีหมึกเชี่ยวเป็นเกลียววน
หมุนขึ้นบนฟากฟ้าสุราลัย
.............◇.............
ถ้อยอักษรกลอนสรวงจากดวงจิต
ค่อยค้นคิดคำสอนพรไสว
สาวป่าดอยด้อยอ่อนวอนจากใจ
บูชาไซร้อาจารย์กานท์อักษรา.
.............◇.............
หนึ่งโสม
๑๔.๑.๒๕๕๗