(ถึงท่านครูงาย)
๐เพราะไร้รักไร้คู่อยู่ก็เหนียม
ชื่อจึงเจียมเจ็บสะอื้นอย่างกลืนกล้ำ
อายจะให้เห็นนามเพราะความช้ำ
ขอเก็บงำเงื่อนเหงาเคล้าไร้นาม
(ถึงท่านน้องแป้ง)
๐ประณามฉันว่า"คนดี".....ดีกว่าเธอน่ะเหรอ
เพลาพร่ำเพ้อเพียงคำว่า"ดี"คำนี้.....มันมีมูลเหตุให้เข็ดขาม
เพราะทุกทีที่เอ่ย.....มันคือเย้ย...ให้น้ำเนตรหลั่งไหลตาม
เพราะนั่นคือคำที่ลุกลาม....และใช้เพื่อพยายาม....จะบอกลา
๐เพียงเธอบอกตรงๆว่าจำนงเลิก
ฉันก็จะไสเศียรเถิกๆและถลอกปอกเปิก...ไม่มาให้เห็นหน้า
แต่ยังไงฉันก็มิลืมเลือนห้วงแห่งหฤหรรษ์ทิวาวันและนิทรา
ช่วงเวลาสุขสม.....ที่เราพร่างพรมอ้อนออดอย่างพรอดแพรว
(ถึงท่านมุนีน้อย)
๐พิษฤดีดังว่ามหาหิน
ปราชญ์ศาสตร์ศิลป์ศักดิ์กล้าวิชาแก้ว
ก็มิอาจกำชัยหทัยแวว
คือสิ้นแล้วเลศฤทธิ์พิศวาสวน
๐รู้เร่าร้อนตอนไฟมันไหม้โหม
ตัณหาโถมเถือซัดช่างขัดสน
แต่ประมาทพลาดผลิรติมนต์
เกิดหลงกลรักกล้ำกร้าวทำลาย
(ถึงทานลุงไพร)
๐มันยิ่งกว่าตกตึกระทึกขวัญ
เพราะอาสัญปุ๊บปั๊บดับชนม์หาย
แต่ติดบ่วงลวงทะลุฉลุชาย
มันฟูมฟายฟอนเฟะกี่เพลา
๐ยิ่งกว่านั่งบอลลูนหนุนเวหาส
แล้วพลั้งพลาดหล่นลงดงหนามหนา
ทั้งเศษแก้วหินกรวดหวดพักตรา
เอาเกลือทาแสบร้อนทุกท่อนทรวง
๐รักร้ายแรงเพียงนี้สิขยาด
ก็ประมาทมายาตัณหาสรวง
คำขจรอ้อนพจน์เป็นบทลวง
ย่อมเหนี่ยวหน่วงนัยนากล้าก่อรักฯ