Re: วิจารณ์เทพนิยายกันเถิดเจ้าค่ะ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 04:35:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: วิจารณ์เทพนิยายกันเถิดเจ้าค่ะ  (อ่าน 6781 ครั้ง)
พิมพ์วาส
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 422
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


Pretending is the beginning of changes.


« เมื่อ: 09 มกราคม 2014, 10:32:AM »


         “โอ้ น่ารักเหลือเกินหนูโรส…หลานน้า” พูดแล้วริมฝีปากนิ่มก็ประทับเข้าที่แก้มเนียนนุ่ม ผู้โดนหอมแก้มพลันตกอกตกใจแล้วสยายปีกออกผกขึ้นฟ้าทันที
          “โรสที่รักอย่ากลัวน้าไปเลย” เสียงละมุนร้องอย่างสำนึกเมื่อเห็นผู้ที่โดนหอมแก้มตกใจ ดวงตาสีทับทิมเบิกกว้างด้วยความระแวง
          “ฉันผิดไปแล้วที่รัก ลงมาเถิด” โชลี่เยบอกผู้ที่หาดระแวงตน ดวงตาสีทับทิมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาสีน้ำผึ้งก่อนจะร่อนกายลง กริยาอากัปอาการคล้ายหงส์ผู้สูงศักดิ์
          “โชลี่ที่รักอย่าโกรธเธอไปเลยนะ เธอยังไม่ค่อยเข้าใจการดำเนินชีวิต” อุ้งมือหนาแตะที่บ่าของภรรยาอย่างเบามือ
          “ฉันรู้พ่อยอดขวัญใจฉันไม่ถือสาหาความกับเธอหรอก…เธอออกจะน่ารักเสียขนาดนั้น” เสียงละมุนเอ่ยบอกด้วยความสนใจในตัวโอโรส ชายร่างตุ้ยนุ้ยฉาบแววในดวงตาสีดำกลมโตด้วยความเหนื่อยใจ แล้วส่ายหน้าให้กับความรักเด็กของภรรยาของตน
          ดวงตาสีน้ำผึ้งเช่นเดียวกับผิวของโชลี่สบกับดวงตากลมโตสีดำของสามี แล้วมอบรอยยิ้มงามส่งมอบให้อย่างมีความสุข 
          “พีชที่รักอย่ากังวลใจไปเลย เธอผู้นี้จะเติบโตขึ้นพร้อมกับความเพียบพร้อมที่เรามอบให้”       
          “ผมไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใดโชลี่ที่รัก ผมเพียง…”
          “เราทำได้อยู่แล้ว” ดวงตาสำน้ำผึ้ง หันไปสบกับเจ้าของดวงตาสีทับทิมซึ่งยืนเงียบมานานสองนาน แล้วเปิดยิ้มงามส่งให้
          “เรียกฉันว่าแม่สิจ๊ะ” ชายร่างตุ้ยนุ้ยสายหน้าอีกรอบ
          “โชลี่ที่รักแต่เราเป็นเพียงน้า” ชายร่างตุ้ยนุ้ยผู้ยินเคียงข้างกระซิบบอกอย่างแผ่วเบา
          “ไม่เป็นไรหรอกพ่อยอดขวัญใจที่รัก” โชลี่กระซิบตอบคนใกล้เคียง       
          “แม่?”
          “ใช่แล้วจ้ะแม่ และนี่ก็คือพ่อของเธอ” เสียงละมุนเอ่ยบอกพร้อมกับชี้เข้าหาตนและ ผู้ยืนชิดข้าง
          ดวงตาสีทับทิมกะพริบขึ้นลงช้าๆเพื่อลดอัตราความตื่นเต้นภายในหัวใจ
          “พ่อ แม่” เสียงหวานดุจผลึกน้ำตาลร้องบอกอย่างตื่นเต้น ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงฝาดเมื่อเอ่ยเรียกบุคคลทั้งสองที่มองตนด้วยความสนใจ
          “ใช่จ้ะ คุณแม่โชลี่ กับคุณพ่อพีชไงจ๊ะลูกสาวที่รัก” เสียงละมุนเอ่ยบอก
          “คุณแม่โชลี่ คุณพ่อพีช” เสียงหวานเอ่ยร้องเรียก แล้วพลันร่างผ่องสั่นด้วยความตื่นเต้นน้อยๆ
          “ใช่แล้ว ใช่จ้ะ มานี่มา เข้ามาหาแม่เร็วลูกโรสที่รัก” ร่างผ่องค่อยๆเดินเข้าหาร่างเพรียวด้วยความเขินอาย
          “ม๊ะ มากินพายกัน” เสียงละมุนเอ่ยบอกพร้อมกับจูงมือนุ่มมาที่โต๊ะทรงกลมสีส้มอ่อน ดวงดอกแดดฉายใต้ใบเงาของต้นโอกเผยเป็นแสงสีเขียวอ่อนละมุนฉาบห้อง
          เสียงหัวเราะครื้นดังเล็ดลอดออกมาหลังถ้ำน้ำตกด้วยความอิ่มเอมใจ ขณะที่ดอกเวลาทำหน้าที่แข็งขันเพื่อทำให้สรรพสิ่งสมดุลกันทุกเสี้ยววินาทีที่ก้าวเดิน
            ดอกเวลาหมุนวนโดยเดินก้านทั้งสามเป็นจังหวะ ต้นเวลาหยั่งรากลึกเจาะถึงแกนโลกเพื่อเคลื่อนหมุนพาเร้นจากดวงสุริยัน ดวงดาราผู้ไร้กำลังอวดฤทธิ์กับผู้ยิ่งใหญ่เมื่อคราอรุณ ทิวา และค่อนบ่าย จึงเร่งแปล่งแสงเพื่อออกมาอวดตัวจากที่แอบซ่อนกายใต้ปุยเมฆบาง แสงสุดท้ายทอดทอลงจูบสรรพสิ่ง  พฤกษชาติแผ่ใบหนาโดยมีความคิดถึงจากแสงของบ่ายแก่เกาะอย่างรักใคร่เป็นช่วงสุดท้ายของวัน
          ใบเหลืองของต้นมุจจลินทร์อันเหี่ยวไร้กำลังผล็อยลงจากขั้ว ดอกสีแดงระย้างามต้องลมร้อนหอบพาดอกกราวลงฉาดสีแดงกลบภาคพื้นเมื่อยามบ่ายอ่อน ดอกแดงห่มผืนธรณีอย่างอิ่มเอม เม็ดดินละเอียดจูบข้างแก้มนวลเนียนของกลีบบางอย่างอาลัย ดอกแดงคล้ายจะยิ้มหวานส่งให้ผู้ห่วงหา แล้วถวายตนเป็นผู้หล่อเลี้ยงต้นของตนผู้ยืนอาวรณ์
          ดวงหน้างามแพร้วเลิกคิ้วขึ้น วงแขนเรียวประคับประคองพิณอย่างเบามือ แพขนตาหนากดประทับลงเมื่อเปลือกตาลดต่ำลงเพื่อปิดนัยน์ตาสีแดงผลึกเพชร ดวงตาค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้ง ผิวขาวนวลเนียนดุจหิมะใต้เสื้อผ้าอาภรณ์สีทองช่างผุดผ่องเมื่อต้องแสงยามสนธยา
          “เมื่อสุกงอมหอมหวานพบพานเกริ่น ดอกเวลาหมุนเดินเผชิญขวัญ ส่งจูบเพชรผู้ซึ้งคิดถึงกัน แต่งรังสรรค์สดใสนัยน์ตางาม รอเวลาพาดุลอันคุ้นแนบ มาอิงแอบซบจิตให้คิดหวาม ผู้ห่วงหาตราชิดสนิทความ ยังเรียกถามทุกมัดรัดสัมพันธ์” กลีบปากสีแดงสดคลี่ยิ้มออก ก่อนดวงตาผลึกสีแดงเพชรจะจ้องมองทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างมีความหวัง พิณที่ดีดเมื่อครู่กับรัดไว้ที่ด้านหลังเว้าโค้งสมส่วน
          ผู้ที่ลอบฟังมาแต่ต้นเปิดยิ้มทอดลงพร้อมกับขยับเกี๊ยะไม้แตะที่สีข้างคู่ของอีกฝั่ง แล้วพลันร่างสูงโปร่งก็เคลื่อนภายในชั่วเสี้ยววินาที
          “เลี่ยนเสียซะไม่มี” มือหนาแตะสัมผัสที่ไหล่บางอย่างแผ่วเบา มิทันไรใบไผ่เรียวยาวก็พลันกรูเข้าหาเจ้าของเสียงนุ่มมีน้ำหนัก ร่างสูงสมส่วนกระโดดขึ้นตีลังกาเหยียบลงบนกิ่งมุจจลินทร์ ดอกสีแดงร่วงกรู
          ผู้ที่ลอบเข้ามาด้านหลังพลันเร้นเงาเข้าหลบซ่อนหลังต้นปาหนันเมื่อผู้ขับเพลงยุทธ์ ระบำใบไผ่หยุดดีดพิณซึ่งเป็นการทำลายล้างแล้ว จึงค่อยๆเผยกายออกมา ยิ้มจากปากรูปกระจับอันสมทรงส่งให้ผู้ที่จ้องตนด้วยดวงตาผลึกสีแดงเพชรอันเย็นชา
          “เธอยังโหดเหมือนเดิมเลยนะซุยฟง”     
          “เชอะใครให้เจ้าลอบมาหลังเราล่ะ อ้อ…ขอบใจที่ชมแล้วกันจะหาใครปากหวานปานข้าวเหนียวมูนอย่างเจ้าได้ล่ะ” เจ้าของดวงหน้างามแพร้วเอ่ยกับผู้ที่ลอบเข้ามาด้านหลังตนด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
          ดวงตาสีองุ่นม่วงของผู้ลอบเข้ามาด้านหลังหรี่ลงขนตาสีเทาปลายดำงอนยาวลดระดับตามดวงตาอันคมดุจปลายศรธนู ผู้ลอบเข้ามาด้านหลังย่างกรายเข้ามาอย่างเชื่องช้ามีจังหวะเสียงเกี๊ยะไม้ดังกระทบพื้นหินก่อนจะลงเท้าก้าวเข้าบนเนินทรายสีชมพูอ่อนใต้ต้นมุจจลนินทร์
          อาภรณ์ของผู้ลอบเข้ามาประทับสวมชุดยูกาตะสีดำปลอดคาดด้วยผ้าคาดเอวหนังงูสีน้ำตาลอ่อน ผิวอันขาวซีดเมื่อสวมใส่อาภรณ์สีดำสนิทแล้วแลดูขับเนื้อนวลจนคล้ายจะเป็นร่างไร้วิญญาณ….ศพ
          “แม่นกน้อยไนติงเกลที่รัก อย่าได้โมโหโทโสไปเลย” เสียงหนักแน่นเอ่ยบอกพร้อมกับโค้งคำนับหัวลงให้น้อยๆ
          “ปากหวานอาบน้ำเชื่อมผลไม้เช่นเจ้า ข้าจะเชื่อลมปากได้สนิทใจละก็…เสียไม่มี เอมิล” เจ้าของดวงหน้างามแพร้วเชิดจมูกขึ้นนิดๆเมื่อเห็นผู้ที่เอ่ยชมตนค่อมหัวให้
          “งอนฉันหรือแม่นกน้อยในติงเกลที่รัก” เสียงหนักแน่นเอ่ยคำหยอกล้อผู้ที่ทำท่าหมั่นไส้ตนเสียเต็มประดาอย่างสนุกสนาน
          “เราไม่คุยกับเจ้าแล้ว”
          เสียงเยือกเย็นไร้อารมณ์เอ่ยประโยคยังมิทันจบ พลันสายลมก็หอบร่างงามสมส่วนขึ้นบนฟ้าแล้วพลันลับหายไป ทิ้งเพียงใบไผ่สีแดงสดเอาไว้เท่านั้น
          “พ่อลมใบไผ่นกอินทรีย์ อย่าทิ้งใบแดงสดเยาะเย้ยฉันอย่างนั้นสิ” ว่าแล้วเกี๊ยะไม้ก็แตะลงพื้นแล้วพลันกลิ่นผลไม้กรุ่นหอมก็โชยรัญจวนมาอย่างรุนแรง ก่อนจะแปรเป็นกลิ่นอันทำลายล้างโพรงจมูกของทุกผู้ที่ไดกลิ่น


                                                             




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความผกผันของเวลา  เฉือนเจตนาของอารมณ์

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s