เทพนิยาย
ดอกราตรีโอบอุ้มเรือนร่างเปล่าเปลือยเอาไว้ ภายใต้กลีบดอกบางหลายชั้นอันประกอบไปด้วยลายอ่อนช้อยสีเงินสลักบนดอกสีม่วงวิจิตร กลีบดอกบางค่อยๆร่วงโรยกลับลงสู่ผืนธรณีทีละนิด พวงนุ่นสีชมพูนิ่มดุจปุ้ยฝ้ายอันฟูฟ่องโอบล้อมรอบร่างสะคราญอันขาวผุดผ่องปานน้ำนม แก้มสีแดงระเรื่อกับปากรูปกระจับแลดูน่าสัมผัสเมื่อยามพิศมอง
ลมเพชรพัดผ่านวูบมาพร้อมกับอ้าแขนเรียวโอบสิ่งของขึ้นหลัง โดยหอบเอากลีบบางของดอกไม้กับพวงนุ่นไว้มั่น แล้วพุ่งกระโจนปล่อยร่างให้พลิ้วลอยไกล หลังจากที่โน้มตัวลงมาจุมพิตอันแสนรักใคร่ไว้ที่เปลือกตาบางของเจ้าของดวงหน้าหวานที่นอนไม่รู้ประสีประสาอันใดอยู่นิ่งเฉย เพื่อเป็นการตีตราจอง
ขั้วสีทองของดอกไม้ช่อใหญ่ค่อยๆคืบคลานมารัดกลีบดอกไม้ราตรี เข้าห่อหุ้มร่างสะคราญเป็นชุดงาม ก่อนดวงตาสีทับทิมจะเปิดออก เท้าเรียวนุ่มสวยเข้าสวมอยู่ที่รองเท้าสีดิน แต่ร่างผ่องยังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเคยถึงแม้จะเปิดเปลือกตาขึ้นมอง
ดอกเวลาซึ่งเป็นแกนเร่งรุดร่างกายอันผอมเพรียววิ่งโดยเร่งฝีเท้าตามเวลาอันอ้วนท้วน ถึงแม้เส้นเข็มอันผอมโย่งจะเร่งฝีเท้าแล้วแซงผู้ที่ผอมเพรียวและอ้วนท้วนแล้วกลับพบว่าตนตามหลังทั้งสองบ่อยครั้งอยู่เสมอก็ตามที แต่ทั้งสามก็ยังไม่สามารถปลุกร่างผ่องที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย ทำให้บางทีคิดหน่ายใจคิดถึงพี่ชายที่มีภาระดูแลทุกสรรพสิ่งซึ่งแบกงานอันหนาหนักอันนั้นเสียไม่ได้
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูไม้สักภายใต้โพรงดำสนิทถูกดันเพื่อเปิดออก โพรงมืดทึบมีแสงไฟจากหิ่งห้อยตัวน้อยซึ่งฉายแสงสีเหลืองนวลที่ก้น ผู้ขยับปีกพร้อมใจบินกันอย่างพร้อมเพรียงไปมาภายใต้ต้นหอยเชอรี่ อันมีลูกหว้าหลากสีออกเป็นพวงคล้ายองุ่นสายรุ้ง อยู่รอบวงล้อมของดอกราตรีสีม่วงสด
ชมนาดทิ้งตัวทอดลงลงมาเพื่อเป็นสะพานแขวนข้ามไปสู่แดนบุปผาศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นหอมของชมนาดทิ้งไว้ซึ่งความหอมรัญจวนใจในพันธ์แต่เมื่อสูดมากเข้าคลับคล้ายจะเป็นลมเพราะเหม็นเขียว
เมื่อเท้าอันสวมรองเท้าบูทส้นหนาของร่างตุ้ยนุ้ย เจ้าของหมวกปีกกว้างเป็นประกายดาวก้าวลงมา ณ สถานที่ที่ตนถูกวาน ชมนาดก็ม้วนตัวกลับส่งกลิ่นคล้ายกลิ่นหอมของใบเตยเจือข้าวหอมมะลิสุกเอาไว้ทิ้งท้าย เจ้าของร่างตุ้ยนุ้ยรับกลิ่นหอมของดอกไม้อย่างเต็มที่จนสติเริ่มมึนงง เขากดหัวแม่มือลงที่จมูกอันโตเท่าไข่เป็ดเพื่อให้คลายกลิ่นอันปล่อยมาจากความเสน่หาของชมนาด คิ้วหยักขมวดแน่นแล้วคลายออก
ร่างตุ้ยนุ้ยผู้มีส่วนสูงดุจหมียืนสองขาตรงดแล้วหันหน้าตรงแหน่วมาที่ร่างผ่อง ก่อนจะนำอุปกรณ์ที่เตรียมมาออกจากกระเป๋าหนังโคลนสีดำมิดตั้งแต่ตัวกระเป๋า ซิป แม้กระทั่งด้าย ออกมาหนึ่งอย่าง
ชายร่างตุ้ยนุ้ยสวมถุงมือลายลูกหมีน้อยสีเหลืองอ๋อย ก่อนจะบรรจงวาดพู่กันลงบนกลีบดอกไม้ราตรีอย่างเบามือ ปากหนาฮัมเพลงอย่างมีความสุข ดวงหน้าใจดีเอ่อล้นด้วยชีวิตชีวา
กลีบดอกไม้ที่ลู่ลงสู่พื้นพลันเด้งเข้าหาร่างผ่องที่นอนนิ่งสนิทอยู่ ทันใดเปลือกตาอันประกอบไปด้วยแพขนตาหนาก็เปิดออก ดวงตาสีทับทิมกะพริบปริบๆ ชั้นขั้วที่ติดอยู่ที่แผ่นหลังบางพลันหลุดออกกลายเป็นปีกใส รองเท้าสีดินย่ำลงพื้นดังก๊อกแก๊ก
ปีกใสสีส้มอมชมพูแผ่สยายออก ทันทีที่ร่างผ่องทำท่าจะโผบินขึ้นสู่ถ้ำสูงลิ่วอันสว่างไสวด้วยแสงนวลพราวจากหิ่งห้อยพลันต้องชะงักลงเพราะเสียงร้องห้ามของชายร่างตุ้ยนุ้ย
“เดี๋ยวก่อนที่รัก” สองมือหนาที่ถูกสวมทับด้วยถุงมือหมีสีเหลืองอ๋อยยกขึ้นห้าม ดวงหน้าหวานของร่างผ่องหันดวงหน้ามามองแล้วค่อยๆขยับส่วนตัวตามมาแล้วใช้ดวงตาสีทับทิมจ้องเขม็งมาที่ชายร่างตุ้ยนุ้ย จมูกอันโตเท่าไข่เป็ดของชายร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นสีเหลืองด้วยความดีใจที่ตนทำสำเร็จ
“เธอยังไม่แข็งแรงดีพอ เธอชื่อ…”
“สวัสดี”
“เอ้อ ใช่สวัสดี เอ๊ยไม่ใช่นะที่รัก”
“ไม่ใช่?”
ชายร่างตุ้ยนุ้ยเกาหัวอันมีผมฟูฟ่องแกรกๆ โดยที่ไม่รู้ว่าตนจะเรียงประโยคในการตอบอย่างไรดี เขากระแอมหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ยบอก
“สวัสดีตอนเย็นที่รักและเธอไม่ได้ชื่อสวัสดี”
“ทำไม?” เสียงของร่างผ่องเอ่ยถาม
“เธอชื่อว่าอะไรล่ะที่รัก?” ชายร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยถามผู้ที่ถามคำถามตนกลับ
“ไม่รู้”
ร่างผ่องกะพริบตาสีทับทิมตอนตอบ แล้วเอียงดวงหน้าหวานลงเล็กน้อยเหมือนอยากได้คำตอบซึ่งแม้แต่เธอและผู้เอ่ยถามยังไม่รู้
“งั้น…” ดวงตาสีดำกลมโตมองสำรวจเรือนร่างผ่องที่อยู่เบื้องหน้า
“งั้น?”
“งั้นเธอชื่อโอโรส เรียกสั้นๆว่าโรส”
“โอโรส? โรส?”
“ใช่ ใช่แล้วล่ะเธอชื่อโอโรส โรส” ชายร่างท้วมเอ่ยบอกอย่างดีใจ ฟันสีขาวเปิดยิ้มออกอย่างมีความสุข
“ตอนนี้เธอจะต้องตามฉันมา” ชายร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยบอก
“ทำไม?”
ณ ตอนนี้เขาไม่ได้เอ่ยตอบคำถามเธอต่ออย่างใด ชายร่างตุ้ยนุ้ยเดินลิ่วผ่านสะพานชมนาดไปเสียแล้ว โดยทิ้งร่างผ่องไว้ให้หาคำตอบเอง เมื่อดวงตาสีทับทิมกะพริบปริบๆ ปีกใสสีส้มอมชมพูก็ขยับอย่างเก้กังแล้วบินข้ามหุบเหวมา เธอตามประกายของหมวดปีกกว้างของชายร่างตุ้ยนุ้ยไปอย่างทุลักทุเล
ป่าลึกแลดูมืดทึบทันทีที่สินธุปักษีร่อนกายลงมา ครั้นพอโฉบปีกขึ้นฟ้าก็พลันกลับสว่างไสวอีกหน เสียงร้องทักคล้ายเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ แดดกกกอดพฤกษาลูบไล้เรียวกิ่งแล้วเริ่มตีวงแสงออกทีละน้อยตามดอกเวลาผู้ควบคุมความสงบ บรรดาสัตว์และผู้คนซึ่งเห็นร่างผ่องงามแล้วต่างส่งยิ้มให้ บ้างจ้องโดยไม่ละสายตาคล้ายต้องมนตร์สะกด เด็กสาววัยรุ่นสะคราญเพียงได้แต่เผยยิ้มหวานประดุจกล้วยไม้ราตรีส่งกลับคืนให้เท่านั้น
ร่างตุ้ยนุ้ยหยุดยืนด้านข้างของน้ำตกอันกิ่งขิงต้นมุจจลินท์แผ่สาขามาถึง เขาคลำหากุญแจในกระเป๋าเสื้อ เสียงน้ำไหลแรงกระทบกับหินอ่อนฝังผลึกเพชรเขียว น้ำที่ตกลงมากระเซ็นมาต้องตัวทำให้สดชื่นนัก
ประตูสีเขียวขี้ม้าใต้น้ำตกเจ็ดสีถูกเปิดออกเมื่อดอกกุญแจรูปคิวปิดถูกเสียบเข้าช่องกลรูปหัวใจ ดวงตาสีทับทิมของผู้ที่ตามหลังมาต้อยๆเบิกกว้างด้วยความประหลาดพิศวง ร่างผ่องก้าวเท้าเข้ามาตามผู้ซึ่งเดินนำหน้าตน แล้วใช้ดวงตาสีสวยมองบรรยากาศภายในอย่างหลงรัก
ต้นโอ๊กแผ่กิ่งภายใต้ถ้ำน้ำตกจนทะลุแผ่นหินสีนิลดำออกไปจนเผยเป็นช่องกลวงให้แสงแดดสาดลงมาระยับสะท้อนกับถ้ำหินภายในห้องเกิดแสงเรือง เพชรอัญมณีผลึกลึกสีใสปูพื้นตั้งแต่ทางเข้ายาวจนไปสุดถ้ำ
ดอกดวงแดดแผดแสงระย้าลงมาเป็นโคมตามกิ่งต้นโอก กลิ่นอายสีชมพูหวานจากต้นลูกท้อจีนส่งกลิ่นหอมหวานของลูกพีชออกมา
ร่างเพรียวถือถาดพายเดินเข้ามา ผ้ากันเปื้อนลายลูกหมีสีเหลืองที่คาดเอวไว้แลดูน่ารักเหมาะกับผู้สวมใส่
“กลับมาแล้วหรือคะพ่อยอดขวัญใจที่รัก” เสียงละมุนเอ่ยเมื่อเห็นร่างตุ้ยนุ้ยเดินเข้ามา
“กลับมาแล้วแม่ยอดขมองอิ่มที่รัก” ชายร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยตอบด้วยความดีใจ
“โชลี่ที่รักผมมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวมาแนะนำให้คุณรู้จัก” แขนหนาอ้ากางออก เผยให้เห็นร่างผ่องซึ่งแอบไม่มิดอยู่ด้านหลัง
“สวัสดีจ้ะ” เสียงละมุนเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างผ่องผู้เผยดวงหน้าเหนียมอ้ายชั่วครู่แล้วพลันกลับเฉยเมยอย่างเดิม ความน่ารักเมื่อเสี้ยวนาทีหนึ่งหาหลบเร้นจากดวงตาสีน้ำผึ้งของผู้ที่เดินเข้ามาหาร่างผ่องได้ไม่
“เธอชื่อโอโรส เรียกสั้นๆว่าโรส เธอยังไม่…”
ร่างตุ้ยนุ้ยยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคร่างเพรียวก็โผเข้าหาร่างผ่องที่ยืนนิ่งอยู่ทันที