อ้างจาก "กานต์ฑิตา"...
อยากรู้พรใดเลิศ ประเสริฐนัก
ก็จงพัก ดวงจินต์ ที่บินว่อน
สำรวมตน พ้นห่าง ทางนิวรณ์
จนถ่ายถอน ความฟุ้ง ที่รุงรัง
พักใจลง ตรงลม บ่มสติ
เลิกดำริ เรื่องเก่า เศร้าแต่หลัง
อนาคต งดปรุง มันยุ่งจัง
จิตตรงตั้ง ปัจจุบัน มั่นลมปราณ
ลมเข้าออก ทั้งหมด กำหนดรู้
สติอยู่ นาสา หาหลักฐาน
มิเผลอออก นอกลม บ่มให้นาน
จนดวงมาน สงบ พบสุขเย็น
จะเบากาย เบาใจ หาใดเปรียบ
มิอาจเทียบ สุขใด เคยได้เห็น
ละวิตก วิจาร ผ่านลำเค็ญ
ปีติเป็นภักษา วิหารัง
จิตขั้นนี้ สะอาด ปราศลุ่มหลง
หากประสงค์ พรใด ที่ใจสั่ง
พรเราจะศักดิ์สิทธิ์ ลิขิตดัง
ย่อมสมหวัง จริงแท้...แค่สร้างพร
"มุนีน้อย"
วิหารัง (ทุ.) = ธรรมเป็นเครื่องอยู่ (นามธรรม) เช่น พรหมวิหาร (แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างพรหม,หรือผู้ใหญ่-ผู้ประเสริฐ)
ถ้าเป็นรูปธรรม เช่น ในคำว่า วิหารลานเจดีย์.....วิหารก็แปลได้ว่าที่อยู่อาศัย ฯลฯ
อยากรู้พรใดเลิศ ประเสริฐนัก
ก็จงพัก ดวงจินต์ ที่บินว่อน
สำรวมตน พ้นห่าง ทางนิวรณ์
จนถ่ายถอน ความฟุ้ง ที่รุงรัง
พักใจลง ตรงลม บ่มสติ
เลิกดำริ เรื่องเก่า เศร้าแต่หลัง
อนาคต งดปรุง มันยุ่งจัง
จิตตรงตั้ง ปัจจุบัน มั่นลมปราณ
ลมเข้าออก ทั้งหมด กำหนดรู้
สติอยู่ นาสา หาหลักฐาน
มิเผลอออก นอกลม บ่มให้นาน
จนดวงมาน สงบ พบสุขเย็น
จะเบากาย เบาใจ หาใดเปรียบ
มิอาจเทียบ สุขใด เคยได้เห็น
ละวิตก วิจาร ผ่านลำเค็ญ
ปีติเป็นภักษา วิหารัง
จิตขั้นนี้ สะอาด ปราศลุ่มหลง
หากประสงค์ พรใด ที่ใจสั่ง
พรเราจะศักดิ์สิทธิ์ ลิขิตดัง
ย่อมสมหวัง จริงแท้...แค่สร้างพร
"มุนีน้อย"
วิหารัง (ทุ.) = ธรรมเป็นเครื่องอยู่ (นามธรรม) เช่น พรหมวิหาร (แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างพรหม,หรือผู้ใหญ่-ผู้ประเสริฐ)
ถ้าเป็นรูปธรรม เช่น ในคำว่า วิหารลานเจดีย์.....วิหารก็แปลได้ว่าที่อยู่อาศัย ฯลฯ