เข้าบ้านกลอน ตอนเงียบ เปรียบป่าช้า
ไม่เห็นหน้า ป๋ารพี หนีไหนเอ่อ
คงชื่นสุข สราญ หวานจนเบลอ
คงละเมอ เพ้อหา สาวหน้ามน
พันทอง
ครางทึดทือมือสางซุกหว่างขา
แก้มหูตาคางคิ้วผิวมัวหม่น
ต้องลมพัดหมอกพราวหนาวเหลือทน
อาบน้ำหนนาทีคุ้มสี่วัน
มีดถางถากรากไม้ก่อไฟผิง
ย่อเอนอิงยองดานสะท้านสั่น
เสียงกักกักเขี้ยวขบกระทบฟัน
น้ำมูกพลันเยิ้มใสไหลลงดัง
หยิบปากกากดถือมือไม้แข็ง
จ่อทิ่มแทงสมุดจุดถึงหลัง
หัวสมองกระด้างช่างช้าจัง
คิดแทบพังนั่งนอนกลอนไม่มี
ก็เคยเขียนหกบทลดเหลือห้า
วันต่อมาลดลงคงเหลือสี่
สิ้นเหลือสามตามสองลองอีกที
เศร้าฤดีถอยถดเหลือบทเดียว
เหตุผลทั้งนี้นั้นเพราะมันหนาว
ของยืดยาวหดหู่จู๋แห้งเหี่ยว
หลบอยู่หลังกองฟางร่างลีบเรียว
รอเดือนเสี้ยวเลี้ยวลับจะกลับเนอฯ
รพีกาญจน์
หาสาวกอด ก่ายกก สะทกไหว
หากหนาวเนื้อ แนบใน ได้เสนอ
แบบอวบอัด ฟัดเข้า ถึงเมาเบลอ
ผ้าห่มเหรอ จะเท่า เนาแนบนาง
ข้างซ้ายสอง พอไหม เอาให้น่วม
ไม่ต้องสวม ถุงเท้า เฝ้าไม่ห่าง
ตะวันสาย ไม่ตื่น สะอื้นคราง
จัดสว่าง คาตา ก็ว่าไป
ส่วนข้างขวา ถนัด จัดอีกห้า
เรื่องคุณป้า ป๋านั้น อย่าหวั่นไหว
แยกห้องนอน ไปเลย เฉยอยู่ไย
หนาวนานได้ กอดก่าย สมหมายปอง
เรื่องกานท์กลอน ตอนนี้ คงมีลด
เข่าเคล็ดหมด งดต่อ เพียงขอสอง
หรือจะหนึ่ง ไม่ว่า ท้าประลอง
กลัวแต่ท้อง ฟ้าเหลือง คงเรื่องจริง
พันทอง
๑/๑/๕๗