ใครเขียนฟ้าคืนนี้ด้วยสีหม่น ระดะล้นโดยความมืดอันชืดเฉย ไม่มีแม้ม่านดาวดังคราวเคย ศศิเอยเจ้าลอยลับไปกับใคร จะถามข่าวดาวดวงก็ร่วงดับ มิอาจนับน้ำตาที่ล้าไหล โอ้-แสงโสมมิโลมหล้าเหมือนลาไกล รัศมีแห่งใจก็ใกล้เลือน สู้รอคอยรอยแสงแม้แสร้งเสก กว่าเจ้านกการเวกตัวเอกเอื้อน ผ่านสุรีย์ร่ายรุ่งอรุณเยือน บอกคืนเคลื่อนลับฟ้าทุกราตรี เจ้าหลบอยู่หนใดในเหลี่ยมหล้า รู้เถิดว่าความซื่อตรงจะคงที่ ถึงกัปกาลผ่านผันวันเดือนปี ยังคงมีหนึ่งคนจะทนคอย ใครเขียนฟ้าคืนนี้ด้วยสีหม่น โปรดแต้มสีนภดลพ้นโศกสร้อย ระบายแสงแห่งฝันอันเลิศลอย วาดจันทร์คล้อยคืนกลับรับคนรอ Shumbala | กาลราตรี ทิวายังคลาเคลื่อน ปีวันเดือนหมุนเวียนเปลี่ยนพอศอ จันทร์มิลับไปไหนใจยังคลอ เฝ้าพะนอ กรอแสงแฝงโพยม ฟ้ามืดหม่นปนไปเมฆใหญ่น้อย ระย้าย้อยห้อยเคลื่อนเลื่อนบังโสม แม้คราลับอับแสงแห่งดวงโคม ยังหมายโลมโน้มเฝ้าให้เหงาคลาย ถึงอยู่ในฟ้ามืดมิชืดเฉย ใช่ลาเลยเลือนลับดับสลาย เฝ้าถักทอรอฝันวันรำบาย เฉิดฉาดฉายกรายเยือนเป็นเพื่อนใจ ผันรพีสีแสงแรงเจิดจ้า มอบนภาฟ้าครามงามไสว เธอคงพบสุขล้นท้นหทัย ลืมบางใคร ที่คอยลอยดายเดียว จวบวาระฉะฉานเปิดลานหล้า รัตติยาฟ้าพราวดาวเฉิดเฉี่ยว ประดับเด่นเล่นรุ้งคุ้งโค้งเรียว ศศิเสี้ยว เกี่ยวอกซ้ายแฝงกายเธอ "ดิน" |
นับเวลารอคอยยิ่งสร้อยเศร้า
เขียนความเหงาบนผืนผ้าฟ้าเสมอ
ลงลายเส้นจางจางอย่างเพ้อเพ้อ
ระบายสีที่พบเจอในจิตใจ
เป็นภาพวาดเวิ้งใจไม่รู้จบ
หาสิ่งใดเลือนลบหรือกลบไหว
ยังวนเวียนเขียนซ้ำประจำไป
สื่อความนัยส่งถึงเพียงหนึ่งจันทร์
จนกว่าจันทร์จะทอแสงสู่ผืนหล้า
ลบรอยคราบน้ำตาทุกคราฝัน
สิ้นสุดการรอคอยรอยจาบัลย์
สกาวแสงแห่งนิรันดร์อนันต์นาน
เขียนความเหงาบนผืนผ้าฟ้าเสมอ
ลงลายเส้นจางจางอย่างเพ้อเพ้อ
ระบายสีที่พบเจอในจิตใจ
เป็นภาพวาดเวิ้งใจไม่รู้จบ
หาสิ่งใดเลือนลบหรือกลบไหว
ยังวนเวียนเขียนซ้ำประจำไป
สื่อความนัยส่งถึงเพียงหนึ่งจันทร์
จนกว่าจันทร์จะทอแสงสู่ผืนหล้า
ลบรอยคราบน้ำตาทุกคราฝัน
สิ้นสุดการรอคอยรอยจาบัลย์
สกาวแสงแห่งนิรันดร์อนันต์นาน