Re: คำถามในฉันทลักษณ์กลอนแปด
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 05:45:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามในฉันทลักษณ์กลอนแปด  (อ่าน 25665 ครั้ง)
toshare
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 303
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,388



« เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2013, 08:50:AM »

แฮะ ๆ ไม่อยากแอบอ้างเอาดีชอบครับ

เป็นคำถามที่ผมไปพบที่ web สมาคมนักกลอน แต่ไม่มีผู้ออกความเห็น จึงเห็นควรนำมาเผยแพร่ (แผ่ = ขยาย, แพร่ = กระจาย)
จะได้เกิดการวัฒนายิ่ง ๆ

====

คุณ share มาถามต่อในเรือนไทยหรือคะ?
คนถามคงหงุดหงิดนิดหน่อยว่า ทำไมวรรคที่สองลงท้ายด้วยเสียงสามัญไม่ได้  วรรคที่สามกับสี่ลงด้วยเสียงจัตวาไม่ได้  ฯลฯ
อยากทราบว่าในกลอนแปดท้ายวรรคทุกวรรคจึงห้ามเสียงวรรณยุกต์ นั้นๆ
หรือให้ใช้วรรณยุกต์นั้นๆ
ทั้งสองอย่างค่ะ  มันเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน
เมื่อห้ามวรรณยุกต์หนึ่งก็เท่ากับอนุญาตวรรณยุกต์ที่เหลือ  เมื่อให้ใช้วรรณยุกต์ตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัว ก็เท่ากับไม่ให้ใช้ตัวที่เหลือ

ห้ามกันมาแต่เมื่อใด ครับ แล้ว ใครเป็นคนห้าม แล้วเคยมีการแก้ไขกันบ้างไหมครับ
ยังไม่เคยเจอกฎระเบียบที่ตราขึ้นมาเป็นทางการ  แต่ถ้าดูวรรณคดีสมัยต้นรัตนโกสินทร์  เคยอ่านกลอนบทละครที่ไม่ได้ตีพิมพ์ เก็บเป็นตัวเขียนอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ   พบว่าเคร่งแต่สัมผัสนอก-ใน และสัมผัสระหว่างบท  แต่เสียงวรรณยุกต์ปล่อยมากกว่ากลอนอย่างที่เราใช้กันปัจจุบันนี้  บาทสุดท้ายลงด้วยเสียงจัตวาก็มี  แต่ขออภัยยกตัวอย่างไม่ได้เพราะไม่มีหนังสือในมือ

ดิฉันเข้าใจว่ากลอนที่กำหนดเสียงวรรณยุกต์อย่างปัจจุบันนี้ เริ่มตั้งแต่กลอนเสภามาก่อน เช่นในขุนช้างขุนแผนตั้งแต่รัชกาลที่ 2   แล้วแพร่หลายในสมัยสุนทรภู่   กลอนที่ท่านเขียนเดิมเรียกว่า"กลอนตลาด"  ต่อมาเราเรียกเสียใหม่ว่า "กลอนสุภาพ" แบบฉบับที่สุนทรภู่นิยมใช้ก็คือใช้วรรณยุกต์แบบเดียวกับกลอนเสภา
กลอนในสมัยก่อน ใช้ขับ ใช้ประกอบเพลง  ใช้อ่านดังๆ  ไม่ได้อ่านในใจอย่างปัจจุบัน    ดังนั้นเสียงวรรณยุกต์จึงมีผลในเชิงออกเสียงมาก  ผู้ที่รู้การขับเพลงไทยเดิมและเสภาบอกว่า การลงคำท้ายมีผลต่อทำให้เพลงหรือเสภานั้นไพเราะหรือไม่ไพเราะ  ออกเสียงง่ายหรือยาก
ดังนั้นก็เป็นได้ว่า การกำหนดวรรณยุกต์ เอื้อต่อการออกเสียงในทำนองต่างๆ    จึงกลายเป็น"กรอบ" การเขียนต่อๆมา

ข้อห้ามนี้ แล้วการยอมรับข้อห้าม ทั้งประเทศเป็นแบบแผนเดียวกันมีมาแต่สมัยใด
และเคยมีการคัดค้านข้อห้ามกันบ้างไหม ก่อนที่จะได้เป็นฉันทลักษณ์อย่างนี้
ที่อ่านๆมาก็บอกต่อๆกันมาว่าห้ามนั้่นๆ แต่ยังไม่เคยเห็นการเผยเเพร่ตามที่ถามข้างบนนั้นครับ
ตอบข้างบนแล้วนะคะ

หมายเหตุ..ไม่ขอพาดพิงถึงกลอนเปล่าทุกประการครับ
กลอนเปล่าไม่มีสัมผัส ไม่กำหนดวรรณยุกต์อยู่แล้วค่ะ


เทาชมพู (ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม)
http://www.reurnthai.com/

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

panthong.kh, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, บ้านกลอนไทย, ชลนา ทิชากร, ศรีเปรื่อง, เนิน จำราย, เพลิงคำ, พี.พูนสุข, D, อริญชย์, โซ...เซอะเซอ

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s