Re: คำถามในฉันทลักษณ์กลอนแปด
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 05:36:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามในฉันทลักษณ์กลอนแปด  (อ่าน 25662 ครั้ง)
ศรีเปรื่อง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 220
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 371


ข้าพเจ้าเพียงใช้บทกวี...เพื่อหย่อนฤดี


« เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2013, 05:31:PM »

คิดอยู่นานว่าจะแจมด้วยหรือเปล่า

ถือว่าแชร์กันนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ (ไม่รู้ว่าคุณอภัยเขาจะให้รึเปล่า 555)

ในหนังสือ ประชุมลำนำ ของหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ซึ่งแต่งไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 แต่ไม่ได้พิมพ์เผยแพร่ในทันที
กระทั่งท่านเสียชีวิตไปแล้วหลายปี จึงได้นำมาจัดพิมพ์ในปี 2514



มีการกล่าวถึงเสียงท้ายของกลอนดังนี้ครับ

(หน้าที่ 55)
1. "...คำที่สุดของกลอนสดับ (คือกลอนต้น) จะใ้ช้อักษรใดก็ได้..."

2. "...คำที่สุดของกลอนรับนั้นอย่าให้ใ้ช้อักษรกลางหรืออักษรต่ำที่เปนสุภาพ บังคับให้ใช้แต่อักษรสูง..."

     ถ้าตีความตามความเข้าใจผม ก็น่าจะแปลว่า เสียงท้ายวรรค 2 ห้ามเสียงสามัญ เพราะ อักษรสูงไม่มีเสียงสามัญ

3. "...คำที่สุดของกลอนรองนั้นอย่าให้ใช้อักษรสูงที่เปนสุภาพ ให้ใช้แต่อักษรกลางกับต่ำ..."
    "...ในที่สุดของกลอนส่งนั้น อย่าให้ใช้อักษรสูงที่เปนสุภาพ ให้ใช้แต่อักษรต่ำกับอักษรกลาง"
    
     ส่วนอันนี้ผมก็งง ๆ อยู่ จะว่าต้องการห้ามจัตวา ก็ดูแย้ง ๆ กัน เพราะ แม้อักษรต่ำจะผันจัตวาไม่ได้ แต่อักษรกลางผันได้
แต่ถ้าเทียบ ๆ เคียง ๆ กับข้อหนึ่ง ผมก็เดาเองว่า น่าจะห้ามจัตวานะ (แหะ ๆ แบบตรงกันข้ามกัน อันหนึ่งห้ามเสียงสูงที่สุด อันหนึ่งห้ามเสียงต่ำที่สุด)

(หน้าที่ 54)
3. "เอกหรือโทอยู่ในที่สุดกลอนส่ง เป็น ละลอกทับ"
    "เอกหรือโทอยู่ในที่สุดกลอนรับหรือกลอนรองนั้นเป็น ละลอกฉลอง"

    การกล่าวถึง "ละลอกทับ" และ "ละลอกฉลอง" ในหนังสือ ไม่ได้ระบุว่า เป็นข้อต้องห้ามหรือไม่ (พยายามค้นแล้ว แต่ไม่เจอ)
    แสดงว่าอาจไม่ได้ห้าม วรรณยุกต์เอกหรือโท ที่วรรค 2, 3 และ 4


แต่ เสียงท้ายของกลอนในยุคปัจจุบัน (ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าใครกำหนด และกำหนดเมื่อไหร่)

วรรค 1 ได้ทุกเสียง แต่ไม่นิยมสามัญ
วรรค 2 ห้ามเสียงสามัญ และตรี
วรรค 3 และ 4 ให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญ หรือ ตรี

สำหรับการห้ามเสียงตรีในวรรค 2 ผมก็เพิ่งทราบเหตุผลของการห้าม ก็คือ เขากลัวเสียงมันเพี้ยน แล้วทำให้คนฟังสับสนครับ
เช่น "ไว้" หากไปวางเป็นเสียงท้ายวรรค 2 อาจได้ยินเป็น "หวาย"
ดังนั้น ส่วนตัวของผมจึงเห็นว่า ตรี ในวรรค 2 น่าจะใช้ได้ แต่ต้องระมัดระวัง

แล้วทีนี้ ลองฟังการอ่านทำนองเสนาะนี่นะครับ
<a href="http://www.youtube.com/v/ZzH4_iEs57E&amp;rel=0&amp;fs=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/ZzH4_iEs57E&amp;rel=0&amp;fs=1</a>


จะเห็นว่า

วรรค 1 จะอ่านแบบค่อย ๆ ไล่เสียงสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
วรรค 2 ก็จะอ่านแบบเดียวกับวรรค 1 (เสียงท้ายวรรคนี้จึงควรมีระดับเสียงที่สูง และถ้าใช้เสียงสามัญล่ะก็ เอื้อนไม่ได้เลยละครับ)
วรรค 3 จะหลบเสียงลงมา แล้วอ่านในระดับเสียงที่เท่า ๆ กันตลอดวรรค
วรรค 4 ก็จะอ่านในระดับเสียงที่เท่า ๆ กันตลอดวรรค เช่นเดียวกับวรรค 3 (เสียงท้ายวรรค 3 และ 4 จึงไม่ควรมีระดับเสียงที่สูง)

ศรีเปรื่อง

ปล.

แต่ผมก็อยากรู้นะครับว่า ข้อบังคับเสียงท้ายในแบบยุคปัจจุบัน กำหนดขึ้นเมื่อไหร่ และ โดยใครหรือหน่วยงานใด

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

อริญชย์, D, เพลิงคำ, panthong.kh, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, ~ขลุ่ยกันแสง~, พี.พูนสุข, บ้านกลอนไทย, ชลนา ทิชากร, เนิน จำราย, เพรางาย, รัตนาวดี, โซ...เซอะเซอ

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พฤศจิกายน 2013, 10:43:AM โดย ศรีเปรื่อง » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s