เนื้อหาและรูปแบบและเทคนิคการนำเสนอ
จากที่ตัวผมได้รับชมและวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ในความคิดเห็นของผม การนำเสนอเรื่องจะเริ่มจากการบรรยายโดยการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่2 ในยุทธการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ บุกหาดโอมาฮ่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944
ส่วนในด้านเนื้อเรื่องก็ได้เริ่มเล่าจากปัจจุบันย้อนกลับไปเมื่อครั้งในอดีตประวัติศาสตร์การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีตัวละครที่เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือ พลเอก เจมส์ ไรอัน ที่ตัวเขาได้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนนั้นซึ่งเป็นภาพในอดีตที่ตัวเขายังจำฝังใจมาโดยตลอด
ในความสมเหตุสมผลของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ผมตั้งคำถามว่าทำไมต้องเอาสงครามมาเป็นตัวเชิดเรื่อง และมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนไม่กี่คนจะสามารถรบและต่อต้านผู้คนเป็นกองทัพ ซึ่งมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราถึงความสามัคคีที่พวกเขามีให้กันร่วมกันต่อสู้ฝาสมรภูมินรกครั้งนี้ไปด้วยกัน และไม่ทอดทิ้งกัน สิ่งที่น่าประทับที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการจัดฉาก สร้างสถานการณ์ได้สมบูรณ์แบบ และสมจริงเป็นอย่างมาก ในทุกๆฉาก ทุกๆตอนโดยเฉพาะตอนที่อยู่ในระหว่างสงครามสมจริงมากๆ ดูรุนแรง โหดเหี้ยม บ้าคลั่ง สยอง มาก อย่างเช่น ตอนที่เหล่าทหารฝ่ายอเมริกาโดนระเบิดที่กลุ่มนาซีเยอรมันนีได้วางเอาไว้ ขาหัก ตัวขาดเป็นสองท่อน โดนไฟครอกร่างกายดิ้นทุรนทุราย ผมถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้วคุ้มค่าสุดๆ แต่บางฉากก็จะดู ดุดัน บ้าบิ่นจนเกินไป มันจึงทำให้ความสมจริงลดลงบ้างเล็กน้อย
อาจจะบอกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาได้ดีมากเลยทีเดียวโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ภายในเรื่องได้นำเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดของโลกมาสร้างขึ้นให้ได้เห็นเป็นรูปธรรม และง่ายแก่การที่จะเข้าใจ ใส่จิตวิญญาณที่สำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนั้นเข้าไปโดยเฉพาะฉากเปิดของเรื่องที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียกองกำลังทหารมากที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ภายในเนื้อเรื่องเริ่มจากสงครามยุทธการยกพลขึ้นบกในครั้งนั้นที่หาดโอมาฮ่า มีการทำสงครามกันอย่างโหดร้าย รุนแรง น่ากลัวและก็ลุ้นไปตามๆกันว่า เหล่ากองกำลังของร้อยเอก มิตเลอร์ จะทำการบุกยึดหาดและทำลายป้อมปราการยุโรปของเหล่า กองทัพนาซีเยอรมันนี ได้สำเร็จหรือไม่เพราะกองกำลังของฝ่ายอักษะมีความหนาแน่นและรัดกุม และยังได้เปรียบตรงที่อยู่บนบก จึงทำไห้กองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตรเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มสัมพันธมิตรก็สามารถทำการบุกยึดหาดและทำลายป้อมปราการได้เป็นผลสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเสียกองกำลังไปค่อนข้างมาก และหนึ่งในนั้น ร้อยเอก มิลเลอร์ ก็ต้องสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาของตนไปอีกด้วย หลังจากสงครามที่หาดโอมาฮ่าจบลงพวกเขาก็ต้องกลับไปสมรภูมิสงครามอีกครั้ง เพื่อตามหา พลเอก เจมส์ ไรอัน ในภารกิจ ครั้งนี้ที่ทำให้พวกเขาและพรรคพวกต้องจบชีวิตลงเพียงเพื่อช่วยคนๆเดียว และก่อนตายมิลเลอร์ ได้บอกกับไรอันว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้สอดแทรกเนื้อหาและประเด็นที่น่าสนใจและทำให้เรานึกคิดนำเอาไปปรับใช้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี และยังวนกลับมาที่ตัวของเราเอง ให้รู้จักการเสียสละเพื่อส่วนร่วม ปฏิบัติตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้สมบูรณ์แบบที่สุด การเสียสละในครั้งนี้ของ มิลเลอร์ ทำให้มีผู้คนคิดที่จะจดจำเขาและนำการกระทำของเขาไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และใช้ชีวิตใน ทุกวันให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์มากที่สุด
จากที่ตัวผมได้รับชมและวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ในความคิดเห็นของผม การนำเสนอเรื่องจะเริ่มจากการบรรยายโดยการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่2 ในยุทธการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ บุกหาดโอมาฮ่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944
ส่วนในด้านเนื้อเรื่องก็ได้เริ่มเล่าจากปัจจุบันย้อนกลับไปเมื่อครั้งในอดีตประวัติศาสตร์การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีตัวละครที่เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือ พลเอก เจมส์ ไรอัน ที่ตัวเขาได้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนนั้นซึ่งเป็นภาพในอดีตที่ตัวเขายังจำฝังใจมาโดยตลอด
ในความสมเหตุสมผลของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ผมตั้งคำถามว่าทำไมต้องเอาสงครามมาเป็นตัวเชิดเรื่อง และมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนไม่กี่คนจะสามารถรบและต่อต้านผู้คนเป็นกองทัพ ซึ่งมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราถึงความสามัคคีที่พวกเขามีให้กันร่วมกันต่อสู้ฝาสมรภูมินรกครั้งนี้ไปด้วยกัน และไม่ทอดทิ้งกัน สิ่งที่น่าประทับที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการจัดฉาก สร้างสถานการณ์ได้สมบูรณ์แบบ และสมจริงเป็นอย่างมาก ในทุกๆฉาก ทุกๆตอนโดยเฉพาะตอนที่อยู่ในระหว่างสงครามสมจริงมากๆ ดูรุนแรง โหดเหี้ยม บ้าคลั่ง สยอง มาก อย่างเช่น ตอนที่เหล่าทหารฝ่ายอเมริกาโดนระเบิดที่กลุ่มนาซีเยอรมันนีได้วางเอาไว้ ขาหัก ตัวขาดเป็นสองท่อน โดนไฟครอกร่างกายดิ้นทุรนทุราย ผมถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้วคุ้มค่าสุดๆ แต่บางฉากก็จะดู ดุดัน บ้าบิ่นจนเกินไป มันจึงทำให้ความสมจริงลดลงบ้างเล็กน้อย
อาจจะบอกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาได้ดีมากเลยทีเดียวโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ภายในเรื่องได้นำเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดของโลกมาสร้างขึ้นให้ได้เห็นเป็นรูปธรรม และง่ายแก่การที่จะเข้าใจ ใส่จิตวิญญาณที่สำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนั้นเข้าไปโดยเฉพาะฉากเปิดของเรื่องที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียกองกำลังทหารมากที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ภายในเนื้อเรื่องเริ่มจากสงครามยุทธการยกพลขึ้นบกในครั้งนั้นที่หาดโอมาฮ่า มีการทำสงครามกันอย่างโหดร้าย รุนแรง น่ากลัวและก็ลุ้นไปตามๆกันว่า เหล่ากองกำลังของร้อยเอก มิตเลอร์ จะทำการบุกยึดหาดและทำลายป้อมปราการยุโรปของเหล่า กองทัพนาซีเยอรมันนี ได้สำเร็จหรือไม่เพราะกองกำลังของฝ่ายอักษะมีความหนาแน่นและรัดกุม และยังได้เปรียบตรงที่อยู่บนบก จึงทำไห้กองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตรเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มสัมพันธมิตรก็สามารถทำการบุกยึดหาดและทำลายป้อมปราการได้เป็นผลสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเสียกองกำลังไปค่อนข้างมาก และหนึ่งในนั้น ร้อยเอก มิลเลอร์ ก็ต้องสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาของตนไปอีกด้วย หลังจากสงครามที่หาดโอมาฮ่าจบลงพวกเขาก็ต้องกลับไปสมรภูมิสงครามอีกครั้ง เพื่อตามหา พลเอก เจมส์ ไรอัน ในภารกิจ ครั้งนี้ที่ทำให้พวกเขาและพรรคพวกต้องจบชีวิตลงเพียงเพื่อช่วยคนๆเดียว และก่อนตายมิลเลอร์ ได้บอกกับไรอันว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้สอดแทรกเนื้อหาและประเด็นที่น่าสนใจและทำให้เรานึกคิดนำเอาไปปรับใช้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี และยังวนกลับมาที่ตัวของเราเอง ให้รู้จักการเสียสละเพื่อส่วนร่วม ปฏิบัติตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้สมบูรณ์แบบที่สุด การเสียสละในครั้งนี้ของ มิลเลอร์ ทำให้มีผู้คนคิดที่จะจดจำเขาและนำการกระทำของเขาไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และใช้ชีวิตใน ทุกวันให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์มากที่สุด