ใครหนอทำ "พันทอง" ให้หมองหม่น
ดั่งไฟลน ลามลุก เผาทุกส่วน
ดูห่อเหี่ยว เปลี่ยวเหงา เศร้ารัญจวน
ทุกกระบวน ทีท่า เหว่ว้าจัง..
..เขาคนนั้น คงไร้ ซึ่งใจภักดิ์
คลอนคลายรัก หักจินต์ จนสิ้นหวัง
ให้ร่ำร้อง ตรอมตรม ซมเซซัง
น้ำตาหลั่ง หล่นริน เจียนสิ้นใจ..
..ตามที่ยล มนเจ้า รักเขามาก
เห็นเชี่ยวกราก น้ำตา ที่บ่าไหล
เจ้าแสนร้าว ระบม ตรมทรวงใน
คิดถึงใคร คนนั้น โถ.."พันทอง"..
..จงร่ำไห้ ออกมา เถิดหนาเจ้า
หลั่งความเศร้า ร้าวรวง จากห้วงห้อง
เอาความเหงา เจ็บช้ำ ระกำกอง
จงร่ำร้อง ให้เต็มที่ ซะ..ทีเดียว..
..หลังจากนี้ พี่อยาก เอ่ยปาก..ขอ
นวลละออ ลืมมัน อย่าหันเหลียว
ทิ้งความช้ำ ตรม-เหงา เศร้าซีดเซียว
เลิกเกาะเกี่ยว สายใย หักใจลา..
..แล้วเริ่มต้น บนทาง สรรค์สร้างใหม่
สานสายใย โยงทรวง ที่ห่วงหา
คนใกล้ตัว มอบมาน ให้กานดา
เพียง..มองมา จะเห็น..ว่าเป็นใคร
ไม่มีใคร ทำเรา เศร้าหมองหม่น
เพียงมืดมน นัยตา ไขว่คว้าไหว
แค่วิตก อกร้อน ดั่งฟอนไฟ
จึงพูดไป ตามจินต์ ที่ยินยล
อันว่ารัก รักใคร ในใจนี้
ต้องรักที่ ดีพร้อม ย่อมไม่บ่น
แต่ไม่รู้ ลึกล้ำ หนอคำคน
ปวดกมล จนแต้ม แกมเศร้าทรวง
ปากบอกรัก ใจนั้น ปันเป็นอื่น
ปล่อยให้ขื่น ขมช้ำ น้ำตาร่วง
แม้บอกไป ใครเชื่อ เนื้อในกลวง
คอยเรียวรวง ช่วงห่าง ต่างเลิกลา
ถึงอย่างไร ไม่ร้อง ให้นองท่วม
รู้ว่าความ เจ็บนั้น มันเลือนหา
แต่ไม่นาน มานกลาย หายเยียวยา
กลันคืนมา ดังเดิม เติมฤดี
แต่ตอนนี้ ตรงนี้ ทั้งสี่ห้อง
ยังใสส่อง ผ่องพรรณ วันสุขี
ยังรื่นรัก พักกาย หมายปองซี
คนที่ใช่ ในบ้านนี้ มีเพียงเธอ
พันทอง
๒๕/๐๘/๕๖