ร่ายวจี ลีลา พาหวั่นไหว
อนงค์ใด ได้ฟัง นั่งปากหวอ
แสนปลื้มจิต ขีดเขียน เพียรคอยรอ
รีบเติมต่อ แต่งแต้ม แซมทุกที
บางคนหา ค้นทั่ว ชั่วชีวิต
บางคนคิด ไม่ตก อกเป็นฝี
บางใครเขา เฝ้าฝัน ปันฤดี
บางคนที่ มุ่งมั่น ครั้นได้เจอ-
ดั่งนกน้อย หลงป่า มาพานพบ
หวังขอจบ เพียงปอง ไม่มองเหม่อ
หวังเข้าใจ ในรัก จักปรนเปรอ
หวังว่าเธอ คงรัก ภักดิ์เช่นกัน
ยามมีทุกข์ รุกเร้า เข้ามาปลอบ
อีกทั้งมอบ ปรานี สุขขีฉัน
อ่านกลอนกานท์ หวานล้ำ คำจำนรรจ์
พจน์ราดฉ่ำ น้ำผึ้ง ซึ้งดวงแด
หนึ่งปีผ่าน วารวัย ใกล้กร่อนผุ
แต่ประจุ ระเบิด ประเสริฐแหง
ตามถามไถ่ ทุกวัน มิผันแปร
ดั่งคู่แท้ ของใจ ฤทัยปอง
ร่ายมนตรา มาพร้อม ห้อมล้อมรัก
ร่ายดวงพักตร ปักตรึง ขึงเราสอง
ร่ายเสน่ห์ ยามเจอ เธอเคียงครอง
ร่ายพรส่อง ส่งสู่ ประตูใจ
พันทอง
๑/๐๘/๕๖
พี่ร่ายรำมนตราดั่งม้าศึก
ในตอนดึกคึกคักมาลักไก่
เขาหลับนอนแล้วนี่ไม่มีใคร
อยู่กลางไพรไกลสาวนอนหนาวทรวง
คิดถึงน้องนางเดียวเคยเกี่ยวก้อย
เฝ้ารอคอยกานดาที่มาพ่วง
ได้เพียงแหงนดูดาวสกาวดวง
พากันควงจันทราทั้งราตรี
ส่วนตัวพี่เหนื่อยล้าจึ่งมาพบ
ได้ประสบคนงามในยามที่
ขวานบิ่นแล้วแก้วตาช่วยปรานี
รอสามปีเข่นใหม่คงได้การ
ขอวอนไหว้เทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ผู้มีฤทธิ์,เมตตาให้ฝ่าด่าน
ขอขวานใหม่สักเล่มเพื่อใช้งาน
โปรดทำทานผู้น้อยชาวดอย เทอญฯ
“ไพร พนาวัลย์”