กลอนบทนี้ร่ำไห้ในผืนป่า
พอฟ้าสางแสงอ่อนชะอ้อนออด
ทำพร่ำพรอดยอดไผ่อย่างไร้เสียง
ด้วยการจูบลูบคลำโดยลำเอียง
บ่ายหน้าเลี่ยงหลบเร้นเว้นต้นน้อย
ไปคลอเคลียเลียน้ำอยู่ฉ่ำชื่น
ระลอกคลื่นกลืนสีกลบแสงกร่อย
เหลือเพียงสิ่งสะท้อนวับย้อนรอย
ระยิบดอยดุจเพชรพะแพรวพราว
นกหลงรังวังเวงร้องเพลงเศร้า
อยู่ในเงาเขาตระหง่านสูงปานหาว
นอกจากแสงสุรีย์ที่วับวาว
อื่นเทียมร้าวรานวุ่นยังขุ่นมัว
เช่นหินแกร่งกร่อนร่างระหว่างไม้
มีตะไคร่ครอบคลุมมาสุมหัว
พาหินมืดจืดจางคล้ายพรางตัว
เหมือนความชั่วมัวหมองเข้าครองดี
หากเย็นย่ำค่ำเยือนเคลื่อนแสงหาย
เท่าความตายติดปีกยากหลีกหนี
โอ้หนอชีพใช้ปลงในพงพี
เลวชั่วมีดีหมายมองต่างกัน
ทำพร่ำพรอดยอดไผ่อย่างไร้เสียง
ด้วยการจูบลูบคลำโดยลำเอียง
บ่ายหน้าเลี่ยงหลบเร้นเว้นต้นน้อย
ไปคลอเคลียเลียน้ำอยู่ฉ่ำชื่น
ระลอกคลื่นกลืนสีกลบแสงกร่อย
เหลือเพียงสิ่งสะท้อนวับย้อนรอย
ระยิบดอยดุจเพชรพะแพรวพราว
นกหลงรังวังเวงร้องเพลงเศร้า
อยู่ในเงาเขาตระหง่านสูงปานหาว
นอกจากแสงสุรีย์ที่วับวาว
อื่นเทียมร้าวรานวุ่นยังขุ่นมัว
เช่นหินแกร่งกร่อนร่างระหว่างไม้
มีตะไคร่ครอบคลุมมาสุมหัว
พาหินมืดจืดจางคล้ายพรางตัว
เหมือนความชั่วมัวหมองเข้าครองดี
หากเย็นย่ำค่ำเยือนเคลื่อนแสงหาย
เท่าความตายติดปีกยากหลีกหนี
โอ้หนอชีพใช้ปลงในพงพี
เลวชั่วมีดีหมายมองต่างกัน