@..เข้าพรรษา น่าคิด..@
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 08:57:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: @..เข้าพรรษา น่าคิด..@  (อ่าน 2157 ครั้ง)
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2013, 05:25:PM »

เข้าพรรษา คราใด ใจมีสุข
ลืมความทุกข์ รุกเร้า เคยเข้าสิง
ประเพณี ดีงาม ว่าตามจริง
ไทยมิทิ้ง ยิ่งค่า อารยะ

ต่างอิ่มบุญ หนุนนำ บำเพ็ญจิต
ถือนิมิต คิดชอบ ตามกรอบพระ
สิ่งใดชั่ว ตัวทำ จำสละ
มุมานะ ประกอบ มอบแต่ดี

บ้างงดเหล้า เข้าพรรษา หรือลาบวช
บ้างหมั่นสวด กวดขัน วันดิถี
บ้างใส่บาตร หยาดน้ำ ทำพลี
บ้างหลบลี้ หนีกรรม บำเพ็ญจินต์

ส่วนพระสงฆ์ คงหลัก พักวิเวก
วางอุเบกฯ เฉกนก ที่ผกผิน
ประจำรัง ยั้งกาย มิหมายบิน
วัสสาสิ้น กลิ่นฝน จึงพ้นกาล

มูลบัญญัติ เรื่องนี้ มีสาเหตุ
ปริจเฉท วินัย ใคร่กล่าวขาน
ก่อนพระสงฆ์ เดินไพร ทั้งในบ้าน
ธรรมทาน เผยแผ่ แก่ปวงชน

มีชาวบ้าน ร้องขอ ต่อองค์พุทธ
พระไม่หยุด สัญจร ตอนหน้าฝน
ไม่สะดวก หนทาง บ้างกังวล
จะหมองหม่น ทนทุกข์ รุกขมูล

เหตุดังกล่าว พุทธองค์ ก็ทรงพบ
รอบรรจบ คนฟ้อง ป้องเสื่อมสูญ
พระควรพัก สิกขา อนากูล
ไม่อาดูร พะวง ธุดงค์คุณ

อาจเผลอย่ำ ทำหมอง ต้องอาบัติ
เผลอเหยียบสัตว์ วัชพืช ควรยืดหยุ่น
ภิกษุแก่ ชรา ควรการุณย์
มิว้าวุ่น เดินพง ธุดงค์จร

จึงบัญญัติ สิกขา พุทธาณัติ
ประกาศชัด หมู่สงฆ์ จงพักผ่อน
เข้าพรรษา มาถึง พึงสังวร
อย่าแรมรอน สามเดือน เคลื่อนจากคุณ

ตามธรรมเนียม ตีตรา สิกขาบท
ก่อนตั้งกฏ อาบัติ คล้ายปัดฝุ่น
จะทรงรอ เหตุเกิด เปิดประทุน
กันว้าวุ่น ครหา ว่าเหตุใด

พักเพียงกาย แต่จิต มิคิดพัก
พร้อมหาญหัก กิเลส เหตุรุกไล่
เปรียบวัตถุ เครื่องยนต์ หรือกลไก
เติมเชื้อไฟ ไม่หยุด สะดุดลง

พระหยุดเดิน เพลินป่า ศึกษาวัตร
โยมฝึกหัด ขัดเกลา เอาอย่างสงฆ์
ย่อมพิลาส ปราดเปรื่อง รุ่งเรืองคง
ศาสน์ยืนยง ตรงนี้ ที่ตัวเรา

"มุนีน้อย"

 ส่งจูบจ้ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

บ้านกลอนไทย, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, ไร้นวล^^, ไพร พนาวัลย์, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, Shumbala, D

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 กรกฎาคม 2013, 09:08:PM โดย muneenoi » บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s