โหงพรายร่ายมนต์บ่นคาถา
ได้ยินเสียงสุดามารศรี
รู้กำหนดหมดสิ้นดินคนดี
หลงป่าพนาลีเดินดุ่มมา
ถ้าแม้นข้าไม่ช่วยต้องม้วยมอด
ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพหลพลเสนา
ไปล้อมพาราสามลไว้
แล้วให้คนนครชัยศรีขึ้นขี่หลัง
หลบร่มไม้ใบบังพระไทรใหญ่
พอรุ่งแสงแจ้งทิวาค่อยคลาไคล
ส่งไปให้มุนีที่บ้านกลอน
เนิน จำราย
ได้ยินเสียงสุดามารศรี
รู้กำหนดหมดสิ้นดินคนดี
หลงป่าพนาลีเดินดุ่มมา
ถ้าแม้นข้าไม่ช่วยต้องม้วยมอด
ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพหลพลเสนา
ไปล้อมพาราสามลไว้
แล้วให้คนนครชัยศรีขึ้นขี่หลัง
หลบร่มไม้ใบบังพระไทรใหญ่
พอรุ่งแสงแจ้งทิวาค่อยคลาไคล
ส่งไปให้มุนีที่บ้านกลอน
เนิน จำราย
ดึกสงัด พัดพริ้ว ลมฉิวเฉียบ
แสนเย็นเงียบ หิ่งห้อย บินลอยว่อน
คล้ายต้องมนต์ ดลถ่วง ง่วงหาวนอน
เอนหนุนขอน ข้างไทร หลับไปนาน
สะดุ้งตื่น ยืนกาย เกือบใกล้สาง
คนเคียงข้าง ร่างใหญ่ ใจเสียวซ่าน
เขาคือใคร ไหนหนอ .หล่อ. ทรมาน
ปากช่างหวาน ขานนุ่ม เสียงทุ้มจัง
ถามได้ความ ตามตรง โหงพรายแก่
โอ! จะแย่ ไหมนั่น ดันไปหวัง
แต่สุขล้น ท้นมาน ปานประดัง
อยากฝากฝัง เป็นนางไม้ หน่ายชายกลอน
แสนเย็นเงียบ หิ่งห้อย บินลอยว่อน
คล้ายต้องมนต์ ดลถ่วง ง่วงหาวนอน
เอนหนุนขอน ข้างไทร หลับไปนาน
สะดุ้งตื่น ยืนกาย เกือบใกล้สาง
คนเคียงข้าง ร่างใหญ่ ใจเสียวซ่าน
เขาคือใคร ไหนหนอ .หล่อ. ทรมาน
ปากช่างหวาน ขานนุ่ม เสียงทุ้มจัง
ถามได้ความ ตามตรง โหงพรายแก่
โอ! จะแย่ ไหมนั่น ดันไปหวัง
แต่สุขล้น ท้นมาน ปานประดัง
อยากฝากฝัง เป็นนางไม้ หน่ายชายกลอน
"ดิน"