โลกคือโลก โศกเศร้า เคล้าคละทุกข์
แล้วกลับสุข หมุนเวียน เปลี่ยนวิถี
บ้างขุ่นเคือง เรื่องร้าย คล้ายอัปรีย์
เพราะไม่มี ความแน่ แก่โลกกลม
มองโลกอย่างมันเป็น จะเห็นชัด
ใจจะหัด ขัดเกลา บรรเทาขม
มิไหวตาม สุขโศก วิโยคตรม
จะนั่งชม โลกนี้ อย่างมีชัย
"มุนีน้อย"
แล้วกลับสุข หมุนเวียน เปลี่ยนวิถี
บ้างขุ่นเคือง เรื่องร้าย คล้ายอัปรีย์
เพราะไม่มี ความแน่ แก่โลกกลม
มองโลกอย่างมันเป็น จะเห็นชัด
ใจจะหัด ขัดเกลา บรรเทาขม
มิไหวตาม สุขโศก วิโยคตรม
จะนั่งชม โลกนี้ อย่างมีชัย
"มุนีน้อย"
ประภาคารหวั่นไหวคล้ายเกลียวคลื่น
มีขมขื่น..รันทด เกินอดไหว
รู้ทั้งรู้โลกลวง ยังห่วง..ไย?
สุดแก้ไขกรรมบังนั่งงมงาย
มองดวงดาว วาววับ..สลับมืด
ลิ้นรับรส จืดชืด..หวานจางหาย
หูเคยยินทำนองเสนาะ..เพราะก็กลาย
เป็นคำร้ายประดัง..เจ็บฝังจินต์
พวงพยอมหอมกรุ่นละมุนหวน
ก็กลับทวนเหี่ยวโหยโรยแห้งกลิ่น
ใจดวงนี้สิ้นหวังจนพังภินท์
รอวันสิ้นลมหายใจ..คงอีกไม่นาน
แซมค่ะ
อยากเป็นยา ทาใจ ให้หายกลุ้ม
มรสุม รุมล้อม พร้อมเคียงใกล้
มอบโอสถ ปลดเปลื้อง เรื่องเคืองใจ
ยามสร่างไข้ ไร้ทุกข์ สุขคืนมา
จากใจมิตร ชิดชอบ มอบคำหวาน
ประภาคาร กานท์ซึ้ง จึงถามหา
ขาดนงเยาว์ เหงาหนัก อักษรา
ปรารถนา ตาหวาน มาสานคำ
บ้านกลอนไทย ไร้"แซม" มาแต้มวาด
คงอนาถ ขาดสิ้น กวินทร์ล้ำ
วอนแก้วตา อย่าพราก ไปตรากตรำ
มาประจำ บ้านกลอน เหมือนก่อนเคย
"มุนีน้อย"
มรสุม รุมล้อม พร้อมเคียงใกล้
มอบโอสถ ปลดเปลื้อง เรื่องเคืองใจ
ยามสร่างไข้ ไร้ทุกข์ สุขคืนมา
จากใจมิตร ชิดชอบ มอบคำหวาน
ประภาคาร กานท์ซึ้ง จึงถามหา
ขาดนงเยาว์ เหงาหนัก อักษรา
ปรารถนา ตาหวาน มาสานคำ
บ้านกลอนไทย ไร้"แซม" มาแต้มวาด
คงอนาถ ขาดสิ้น กวินทร์ล้ำ
วอนแก้วตา อย่าพราก ไปตรากตรำ
มาประจำ บ้านกลอน เหมือนก่อนเคย
"มุนีน้อย"