ยามดึกดื่นเดือนด้อยหิ่งห้อยหนาว
น้ำค้างพราวราวหญ้ามาเป็นฝอย
ไอละอองฟองหมอกหยอกโปรยปรอย
ใต้ต้นข่อยคอยฝันถึงวันวาน
โอบละมุนอุ่นไอไหล่ทั้งสอง
กอดประคองคล้องเกี่ยวยังเสียวซ่าน
พี่บอกลาไปกรุงมุ่งทำงาน
นี่ก็ผ่านนานปีไร้วี่แวว
ใบข่อยร่วงโรยกราวซบราวหญ้า
อกผวาตารื้นสะอื้นแผ่ว
หรือพี่นั้นปันใจไปอื่นแล้ว
น้องมานแป้วคงแห้วแน่รอแก่ตาย
น้ำค้างพราวราวหญ้ามาเป็นฝอย
ไอละอองฟองหมอกหยอกโปรยปรอย
ใต้ต้นข่อยคอยฝันถึงวันวาน
โอบละมุนอุ่นไอไหล่ทั้งสอง
กอดประคองคล้องเกี่ยวยังเสียวซ่าน
พี่บอกลาไปกรุงมุ่งทำงาน
นี่ก็ผ่านนานปีไร้วี่แวว
ใบข่อยร่วงโรยกราวซบราวหญ้า
อกผวาตารื้นสะอื้นแผ่ว
หรือพี่นั้นปันใจไปอื่นแล้ว
น้องมานแป้วคงแห้วแน่รอแก่ตาย
ก้อย
น้ำค้างราลาทุ่งรุ้งทอสาย
แดดเรืองรองส่องหล้าฟ้าประกาย
ดอกหญ้ารายพรายระย้าคันนายาว
เคยมีรักช่างละมุนอุ่นใจนัก
เคยซบพักตร์หวานนักจากตักสาว
เมื่อไกลกันฝันฝากหลากเรื่องราว
ลมพัดหนาวเศร้าคนึงคิดถึงนวล
อยู่กรุงเทพเสพทุกข์สุขช่างน้อย
ใจละห้อยโหยหามาไห้หวล
เพื่อเก็บฝันวันคล้อยคอยรัญจวน
อยากคิดหวลกลับทุ่งรุ่งเรืองรอง
คอยอีกหน่อยน้องยากลับมาแน่
มีพ่อแม่เถ้าแก่แซ่เสียงซ้อง
พร้อมขันหมากสินสอดถอดมากอง
รับขวัญน้องบ้านนาอย่าระกำ
///////////
พงศ์ภัณฑ์
๕/๗/๕๖