วงสุราแคร่ไผ่
ชาวดอกชาวดินหมู่เฮา
เหล้าขอกเหล้าขาว
ล้อมวงแคร่ไผ่สุขี
บ่ฝันบรั่นดอกบรั่นดี
บ่หวังวิสกี้
บ่เปลืองกับแกล้มโซดา
แดดร่มลมตกเลิกนา
สรวลเสเฮฮา
ประสาชาวดอกชาวดิน
หน้าแล้งร้างถอกร้างถิ่น
ขายแรงแลกสิน
หนี้ศอกหนี้สินรุงรัง
สิ้นหอกสิ้นหนสิ้นหวัง
ทุกข์ล้นประดัง
จ่อมนั่งล้อมวงแคร่ไผ่
เหล้าขอกเหล้าขาวรินหาย
ในจอกเป๊กใบ
หัวใจโลดลิ่วลำพอง
โก่งคอประสานเสียงพร้อง
ม่วนปากแถกฮ้อง
โฮแซวหมอหลอกหมอลำ
ทำนอกทำนาหน้าดำ
ทุกซอกทุกข์ซ้ำ
โดนหลอกชั่วนาตาปี
ผักกาดถั่วกะหล่ำปลี
ก่อนนั้นมากมี
เดี๋ยวนี้เขาสั่งจีนแดง
หอมเห็ดกระเทียมพริกแกง
ฟักทองแฟงแตง
นำเข้าเสรีอาเซียน
แรงงานแรงงอกแรงเบียน
พม่าลาวเขมรเวียน
แย่งงานคนถอกคนไทย
ชาวนาชาวหนี้มากมาย
ใกล้ตอกใกล้ตาย
ติดหนี้สหกง-สหกรณ์
อีแต๋นปุ๋ยยาต้องผ่อน
ลูกเรียนออดอ้อน
ไอแพดไอโฟนสามจี
อิหลักอิเหลื่ออีหลี
ทำนาทั้งปี
ชาวนาซื้อข้าวสารกิน
ดอกเบี้ยดอกบานหนี้สิน
ท่วมทั้งแผ่นดิน
ใช้หนอกใช้หนี้ชาติหน้า
อนาถชะตอกชะตา
อีแร้งอีกา
น้ำตอกน้ำตาท่วมขื่อ
ตู้เย็นพัดลมมือถือ
ส่ำปอบกระสือ
แย่งยื้อปล้นล้วงกระเป๋า
สิอยู่จั๋งใด๋หมูเฮา
เหล้าขอกเหล้าขาว
จ่อมเมาคาวงแคร่ไผ่ฯ
(เขียนเล่นๆ สนุกๆ)
สนอง เสาทอง
**งานเขียนประเภทร้อยกรอง หากเขียนเพื่อให้บรรณาธิการพิจารณาตีพิมพ์ตามสื่อมาตรฐาน ต้องเขียนให้หลุดไปจากกรอบของการเขียนในห้องเรียน ห้องสอน (ประเภทเขียนส่งอาจารย์ 10 คนเหมือนถอดพิมพ์มาจากบล็อกเดียวกัน) อย่าติดกรอบมายาคติภาษา และไม่ควรพะวงกับกรอบฉันทลักษณ์มากไปจนตึงเคร่ง (รวมทั้งสำนวนภาษา, โวหาร และจริตด้วย) เดี๋ยวจะถูกขังกรอบคิด (เหมือนงานศิลปะทุกอย่าง) เพราะหากเขียนเช่นนั้นใครๆ ก็ทำได้ (ป้อนโปรแกรมเข้าไปในคอมฯ มันทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ) ต้องหลุดจากตำราให้ได้ (ย่อยกลืนบดเข้าไปในหัวแล้วตอนเขียนก็กลั่นออกมา นึกถึงภาพเราดูตำราสูตรปรุงอาหาร อ่านจนเข้าใจทั้งหมด โยนตำราทิ้งไปแล้วลงมือจับตะหลิวบรรเลงปรุง) หากแหวกกับดักเหล่านี้ไม่ได้ ต้นฉบับก็จะถูกดอง หรือถูกทิ้งลงถังขยะครับ (เพราะจะมีคนเขียนในลักษณะเช่นนั้นเกร่อไปหมด ใครที่สามารถแหวกออกมาได้ก็จะสร้างความประทับใจ (สะเทือนใจ เข้าถึงอารมณ์ศิลปะของงานประเภทร้อยกรอง))
ชาวดอกชาวดินหมู่เฮา
เหล้าขอกเหล้าขาว
ล้อมวงแคร่ไผ่สุขี
บ่ฝันบรั่นดอกบรั่นดี
บ่หวังวิสกี้
บ่เปลืองกับแกล้มโซดา
แดดร่มลมตกเลิกนา
สรวลเสเฮฮา
ประสาชาวดอกชาวดิน
หน้าแล้งร้างถอกร้างถิ่น
ขายแรงแลกสิน
หนี้ศอกหนี้สินรุงรัง
สิ้นหอกสิ้นหนสิ้นหวัง
ทุกข์ล้นประดัง
จ่อมนั่งล้อมวงแคร่ไผ่
เหล้าขอกเหล้าขาวรินหาย
ในจอกเป๊กใบ
หัวใจโลดลิ่วลำพอง
โก่งคอประสานเสียงพร้อง
ม่วนปากแถกฮ้อง
โฮแซวหมอหลอกหมอลำ
ทำนอกทำนาหน้าดำ
ทุกซอกทุกข์ซ้ำ
โดนหลอกชั่วนาตาปี
ผักกาดถั่วกะหล่ำปลี
ก่อนนั้นมากมี
เดี๋ยวนี้เขาสั่งจีนแดง
หอมเห็ดกระเทียมพริกแกง
ฟักทองแฟงแตง
นำเข้าเสรีอาเซียน
แรงงานแรงงอกแรงเบียน
พม่าลาวเขมรเวียน
แย่งงานคนถอกคนไทย
ชาวนาชาวหนี้มากมาย
ใกล้ตอกใกล้ตาย
ติดหนี้สหกง-สหกรณ์
อีแต๋นปุ๋ยยาต้องผ่อน
ลูกเรียนออดอ้อน
ไอแพดไอโฟนสามจี
อิหลักอิเหลื่ออีหลี
ทำนาทั้งปี
ชาวนาซื้อข้าวสารกิน
ดอกเบี้ยดอกบานหนี้สิน
ท่วมทั้งแผ่นดิน
ใช้หนอกใช้หนี้ชาติหน้า
อนาถชะตอกชะตา
อีแร้งอีกา
น้ำตอกน้ำตาท่วมขื่อ
ตู้เย็นพัดลมมือถือ
ส่ำปอบกระสือ
แย่งยื้อปล้นล้วงกระเป๋า
สิอยู่จั๋งใด๋หมูเฮา
เหล้าขอกเหล้าขาว
จ่อมเมาคาวงแคร่ไผ่ฯ
(เขียนเล่นๆ สนุกๆ)
สนอง เสาทอง
**งานเขียนประเภทร้อยกรอง หากเขียนเพื่อให้บรรณาธิการพิจารณาตีพิมพ์ตามสื่อมาตรฐาน ต้องเขียนให้หลุดไปจากกรอบของการเขียนในห้องเรียน ห้องสอน (ประเภทเขียนส่งอาจารย์ 10 คนเหมือนถอดพิมพ์มาจากบล็อกเดียวกัน) อย่าติดกรอบมายาคติภาษา และไม่ควรพะวงกับกรอบฉันทลักษณ์มากไปจนตึงเคร่ง (รวมทั้งสำนวนภาษา, โวหาร และจริตด้วย) เดี๋ยวจะถูกขังกรอบคิด (เหมือนงานศิลปะทุกอย่าง) เพราะหากเขียนเช่นนั้นใครๆ ก็ทำได้ (ป้อนโปรแกรมเข้าไปในคอมฯ มันทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ) ต้องหลุดจากตำราให้ได้ (ย่อยกลืนบดเข้าไปในหัวแล้วตอนเขียนก็กลั่นออกมา นึกถึงภาพเราดูตำราสูตรปรุงอาหาร อ่านจนเข้าใจทั้งหมด โยนตำราทิ้งไปแล้วลงมือจับตะหลิวบรรเลงปรุง) หากแหวกกับดักเหล่านี้ไม่ได้ ต้นฉบับก็จะถูกดอง หรือถูกทิ้งลงถังขยะครับ (เพราะจะมีคนเขียนในลักษณะเช่นนั้นเกร่อไปหมด ใครที่สามารถแหวกออกมาได้ก็จะสร้างความประทับใจ (สะเทือนใจ เข้าถึงอารมณ์ศิลปะของงานประเภทร้อยกรอง))
ผมเห็นด้วยกับข้อแนะนำของคุณสนองทุกประการครับ เนื่องจากในการพิจารณาตีพิมพ์ผลงานใดๆออกสู่สาธาณะชนนั้น
บรรณาธิการหรือเจ้าของสิ่งพิมพ์ต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาดเป็นหลักซึ่งมีเรื่องเงินมาเป็นปัจจัยสำคัญคอยชี้ขาด
ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบว่างานนี้พิมพ์ออกไปแล้วขายได้หรือไม่ได้ สรูปแล้วมันมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องและถือเป็นหัวใจสำคัญ
อย่างไรก็ดีผมมีความเห็นว่าถ้าเป็นไปได้ศิลปะกับการตลาดควรต้องคู่ไปด้วยกัน เมื่อมีสิ่งผิดก็ควรต้องมีสิ่งที่ถูกนำเสนอออกไปด้วย
เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบและเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งสิ่งที่ถูกต้องดีงามของฉันทลักษณ์แห่งโลกวรรณกรรม หากว่าว่านักเขียนมืออาชีพมัวแต่คิดว่า
ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเท่านั้นโดยไม่สนใจจะจรรโลงในสิ่งถูกต้องบ้างเลยมันก็จะทำให้ผู้อ่านที่อ่านและเสพงานของเขานั้น
ถือเอาเป็นแบบอย่างตัวอย่างที่ผิดๆแล้วนำมาอ้างต่อๆกันได้ว่าทีนักเขียนระดับมืออาชีพท่านั้นๆยังเขียนได้แสดงว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
มันก็จะเป็นการทำลายวรรณศิลป์ไปในตัว ทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องยึดหลักทางสายกลาง คือตัวผู้เขียนก็จำเป็นต้องพัฒนาฝีมือ แนวคิด
และสำนวนการเขียนให้น่าสนใจ ทั้งต้องดำรงคงไว้ซึ่งฉันทลักษณ์ที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย หรืออย่างน้อยต้องมีควบคู่กันไปทั้งสองแบบ
คือแบบที่คิดออกไปนอกกรอบ และแบบที่คงรักษาไว้ซึ่งฉันทลักษณ์และวิธีเขียนที่ถูกต้อง เพื่อถ่วงดุลย์ซึ่งกันและกันไม่ให้แบบใดแบบหนึ่ง
มีน้ำหนักมากเกินไป