๒๒๗ ปี มหากวี สุนทรภู่
* สดุดีปูชนีย์กวีแก้ว
พจน์แพรวพรายช่วงดั่งสรวงสรรค์
รสเลิศเพริศเพราเฉลาบรรณ
อภิวันท์บรมครูวิญญูชน
พิศดูวรรณคดีกวีราษฎร์
สุพิลาสกาพย์กลอนสุนทรผล
กิร์ติคุณเรืองรองก่องสกล
นรยลเทิดกวีสี่รัชกาล
เสนาะเรื่องเปรื่องปราดนิราศร้าง
สุตะสร้างจินตนาปาฏิหาริย์
หฤหรรษ์นิทานกลอนอมรงาน
ปฏิภาณกวีศรีแผ่นดิน
ดนุซึ้งตรึงจิตลิขิตถ้อย
มนะพลอยประทับขวัญวรรณศิลป์
มธุรสพจมานซ่านดวงจินต์
เพราะกวินคมคำนำชีวิต
** "ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา"
ประลุฤกษ์เบิกฟ้าอีกครานี้
นุชรีย์เรียงร้อยสร้อยบุปผา
หฤทัยน้อมบูชิตจิตศรัทธา
ปรมาจารย์ สุนทรภู่ ครูกลอนไทย ฯ
พี.พูนสุข
๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖
* กลบทบวรโตฎก ทุกวรรคขึ้นต้นด้วย ลหุ ลหุ ครุ (ยกเว้นบทที่ ๕)
** นิราศภูเขาทอง
ครรไลล่องลำน้ำตามกระแส
เจ้าอยู่หลังชายฝั่งตั้งตาแล
เมื่อเรือแพเลื่อนไหลใจละลาย
โอ้วันนี้ต่อไปไม่เห็นหน้า
มองเพียงฟ้าป่ารกเรี้ยวเปลี่ยวใจหาย
เคยอยู่ชิดพิศชมภิรมย์กาย
มากลับกลายคลาดเคลื่อนไร้เพื่อนใจ
แล้วบรรเลงเพลงปี่วิเวกแว่ว
พะพลิ้วแผ่วแนวป่าชลาศัย
ใครได้ฟังดั่งมนต์ดลฤทัย
ให้หลับใหลไปทั่วทุกตัวคน
เป็นมนุษย์ครุฑาสุรารักษ์
จะสิ้นหลักหลับเลือนใจเลื่อนหล่น
จนลืมสิ้นเหมือนตายวายสกนธ์
เสนาะล้นเสี่ยงปี่พระอภัย
ที่ไร่ฝ้ายอบอุ่นหนุนตักนิ่ม
คิดถึงพิมดวงแก้วแววงามใส
เคยหนุนแขนแทนหมอนอ้อนพิไร
ยามจากไกลใจหายเสียดายพิม
ร่ายเพลงยาวกราวเมืองจนเลื่องชื่อ
ได้ยึดถือใจคล้อยพลอยเอมอิ่ม
เสภาพราวราวขยับนภาพริ้ม
กลอนอ่อนนิ่มกลิ่นกลอนว่อนกระจาย
ชีวิตคนวนไปไม่สิ้นสุด
ชีวิตท่านลาหยุดสุดใจหาย
ได้อยู่วังฝ่ายในใจสบาย
กลับพลัดพรายพบทุกข์สิ้นสุขใจ
จากแผ่นดินถิ่นเกิดประเสริฐนัก
เป็นอาลักษณ์สุนทรกลอนยิ่งใหญ่
แล้วอับแสงแห่งตนดั้นด้นไป
ล่องเรือไกลว้าเหว่อยู่เอกา
ท่านคือเทียนเปลี่ยนแสงแห่งภาษา
วรรณกรรมล้ำค่าภาษาสาร
ยี่สิบหกมิถุนาฟ้าตระการ
ขอกราบท่านสุนทรภู่ครูกวี
///////////
พงศ์ภัณฑ์
๒๖/๖/๕๖
สดุดีครูกวีหากผิดศิษย์คิดแก้ไข