มุมหนึ่งบนสะพานลอยคนข้ามถนนใกล้ทางขึ้น-ลง สะพานนั้น
เด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนคอซองที่ดูสะอาดเรียบร้อยคงเป็นนักเรียนมัทยมต้น
หน้าตาน่าเอ็นดู มัดผมตามระเบียบนักเรียนนั่งพับเพียบอยู่ในมือมีขลุ่ยเป่าอยู่
เพลงที่เป่าก็เป็นเพลงยอดฮิต”ค้างคาวกินกล้วย” ไล่โทนเสียงไม่ขาดสาย
สะดุดตาที่หน้าแผ่นพลาสติคที่น้องรองนั่งอยู่ มีกล่องใบเล็กๆตั้งอยู่
หน้ากล่องและข้างกล่อง มีข้อความเขียนว่า”ทุนการศึกษา”
.................
พี่ค้างคาว กินกล้วย ช่วยหนูหน่อย
หนูยังด้อย การศึกษา วิชาหลัก
เกินมาจน ข้นแคน ขาดแคลนนัก
แต่ยังรัก ศึกษา วิชาการ
สำเนียงขลุ่ย ขับขาน กังวานเศร้า
ช่างเร่งเร้า จิตใจ ให้สงสาร
ยิบเศษตางค์ พอทำได้ ให้เป็นทาน
แล้วเดินผ่าน เลยไป ใจกังวล
ลงสะพาน ผ่านไป ใจหวนคิด
ทุกชีวิต เกิดมา น่าฉงน
มีร่ำรวย มีเศรษฐี มียากจน
ยังปะปน ระคนไป ในสังคม
ต่างตัวใคร ตัวมัน ฉันไม่สน
เห็นเขาจน หนีไกล ใจทับถม
หวังพึ่งใคร ไหนเล่า เหงาตรอมตรม
ยังมีลม หายใจ ให้บรรเลง
ชลนา ทิชากร
หนูยังด้อย การศึกษา วิชาหลัก
เกินมาจน ข้นแคน ขาดแคลนนัก
แต่ยังรัก ศึกษา วิชาการ
สำเนียงขลุ่ย ขับขาน กังวานเศร้า
ช่างเร่งเร้า จิตใจ ให้สงสาร
ยิบเศษตางค์ พอทำได้ ให้เป็นทาน
แล้วเดินผ่าน เลยไป ใจกังวล
ลงสะพาน ผ่านไป ใจหวนคิด
ทุกชีวิต เกิดมา น่าฉงน
มีร่ำรวย มีเศรษฐี มียากจน
ยังปะปน ระคนไป ในสังคม
ต่างตัวใคร ตัวมัน ฉันไม่สน
เห็นเขาจน หนีไกล ใจทับถม
หวังพึ่งใคร ไหนเล่า เหงาตรอมตรม
ยังมีลม หายใจ ให้บรรเลง
ชลนา ทิชากร