ต้องขออำไพอย่างสูงนะคะ ที่ทำให้แตกตื่นกับคำว่า "ก๊อป" ดังปรากฏข้างล่างนี้
***เอาแบบสนุกๆ ไม่เน้นเนื้อหาสาระใดๆ ทั้งสิ้น ไล่ตามกระทู้แบบวรรคต่อวรรค ไม่ตั้งใจเสียดสี ล้อเลียน ลอกเลียน (ก๊อปปี้) แบบ “ของเทียมทำเหมือน” กลอนมันพาไปเอง
***คำเตือน
ท่านที่ต้องการก๊อปปี้ โปรดก๊อปให้ถูกต้องทั้งบท ใครที่ก๊อปแล้วทำอักษร สระ และวรรณยุกต์ ใดๆ หล่นหาย แสดงว่าไม่ใช่นักก๊อปมืออาชีพ แนะนำให้ไปหาอาชีพอื่นใหม่ทำ
อธิบายสั้นๆ ท่านสนองได้โทรฯ พูดคุยกับเพื่อนฝูงที่ทำหนังสือด้วยกันเมื่อคืน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องการก๊อปปี้งานของคนอื่น และมีบรรณาธิการรุ่นน้อง (ของสนอง) บอกว่า ในโลกสื่อออนไลน์นั้น มีการก๊อปกันแล้วก็แบ่งแชร์ในระหว่างกันเยอะมากเพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ใครก็สามารถทำได้ ดังนั้น จงทำใจ หากใครไม่อยากถูกก๊อปก็ไม่ต้องโพสต์ (เขาว่าอย่างนั้น) ก็เลยขอใช้พื้นที่บ้านกลอนรณรงค์นิดหนึ่ง ไม่เบียดบังพื้นที่มาก อย่างน้อยก็ให้คนที่คิดจะปล้นความคิดคนอื่นได้ไตร่ตรองยั้งคิดไว้บ้างก่อนลงมือก๊อป
Choy
8 พฤษภาคม 56
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของรุ่นน้องท่านสนองครับ เมื่อไม่อยากให้โดนก็อบก็ต้องไม่โพสต์
อันที่จริงการก็อบปี้ไปใช้ในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นพอมีทางตรวจได้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็มีอากู๋(Google)คอยเป็นหูเป็นตาให้
ถึงแม้จะไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ยังดีกว่าเจ้าของไม่ระแคะระคายอะไรเลย
แต่การก็อบปี้ที่น่ากลัวก็คือการก็อบเอาไปใช้ในที่อื่นๆโดยไม่ได้ลงในโลกออนไลน์
เช่นเอาบทกลอนดีๆไปใช้ประกอบการพูดการบรรยาย เอาไปรวมเล่มในชื่อของตัวเอง
หรือเอาไปแสดงต่อคนอื่นๆว่าเป็นบทกลอนของตัวเอง เพื่อสร้างพยานหลักฐานเท็จให้มากๆเข้าไว้
ซึ่งมันสุดที่เจ้าของงานเขียนจะไปติดตามตรวจสอบหรือรู้ได้ หรือบางทีอาไปลงในเว็บที่ลึกลับ
พ้นหูพ้นตาของอากู๋ก็ดุจเดียวกัน เจ้าของจะไม่มีโอกาสรู้ตัวเลยว่างานเขียนของตัวเองถูกก็อบปี้เอาไปแอบอ้าง
กว่าจะรู้ว่าใครเป็นใครก็โน่นแหละ เรื่องถึงโรงศาล รอให้ศาลตัดสินออกมาซะก่อน
แล้วคนเราสมัยนี้ค่อยใช้วิจรญาณกันที่ไหนครับ ส่วนมากตัดสินกันเฉพาะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เชื่อคนง่าย
ชอบฟังความฝ่ายเดียว ไม่สนใจตรวจให้ถ่องแท้ว่าใครผิดใครถูก
ดังนั้นถ้าไม่อยากโดนก็อบปี้ ก็ต้องไม่โพสต์ลงอินเตอร์เน็ต หรือถ้าโพสต์ก็ต้องโพสต์หลายๆที่ให้คนรู้เห็นมากๆเข้าไว้
นานๆทีก็ต้องขุดขึ้นมานำเสนอเสียที เพื่อทบทวนความทรงจำผู้อ่าน ไม่ปล่อยให้อยู่เฉยๆเป็นตะกอนก้นเว็บบอร์ด
ถึงแม้ว่างานเขียนที่จดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว แต่กว่าศาลจะพิจารณาตัดสินออกมาได้ก็นาน ถึงตอนนั้นก็คงไม่มีใครสนใจแล้วว่า
ของใครเป็นของใคร
สรูปแล้วเหตุเกิดที่ไหนก็ต้องดับที่นั่น เพราะมีกลอนจึงโดนก็อบ ถ้าไม่อยากถูกก็อบก็ต้องไม่มีกลอน(เลิกแต่ง) เท่านี้ก็จบ