Re: ถ้าสมมุติว่ามีคนอยู่คนหนึ่งเอาแต่ชวนคุยอย่างเดียว โดยไม่ค่อยจะแต่งกลอนพวกคุณจะสน
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 01:39:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าสมมุติว่ามีคนอยู่คนหนึ่งเอาแต่ชวนคุยอย่างเดียว โดยไม่ค่อยจะแต่งกลอนพวกคุณจะสน  (อ่าน 15009 ครั้ง)
พยัญเสมอ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 674
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,044


ไม่มีเหตุจำเป็นห้ามรบกวน


« เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2013, 04:41:AM »



เหมือนกับที่คุณช้อยบอก (ไม่ทราบอ่านว่าอ่านถูกไหมต้องขออภัยค่ะ ส่วนตัวไม่นิยมเขียนภาษาไทยปนภาษาอังกฤษค่ะ)
เรื่องที่อ่านจากคุณช้อย สำหรับตัวเองแล้วตีประเด็นออกมาได้ว่า 'เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม'
ก็เหมือนกับเมื่อเจอสังคมกลอนก็ย่อมจะคุยสนทนาทักทายกันเป็นกลอนเป็นธรรมดา

สุภาษิตข้างตนหมายความว่า "ที่แห่งใดเขาประพฤติตามเขาไปด้วย  อย่าไปประพฤติขัดแย้งกับเขา"
ดังนั้นเมื่อเราขึ้นชื่อว่า 'บ้านกลอนไทย' ก็ย่อมเป็นนักเขียนกลอนอยู่แล้ว
แต่ในบ้านกลอนไทยก็มีหมวดต่างๆให้เลือกว่าจะเขียนกลอนแนวไหน จะทำอะไรก็มีที่ให้สนทนากัน
หรือเข้าห้อง สนทนา ไปคุยกันเลยก็ได้ ทางเว็บก็มีให้

ส่วนตัวจะเป็นอะไรก็ได้ค่ะที่ไม่เกี่ยวกับการรำพึงเพ้อพบ พรรณนาเพ้อพร่ำต่างๆ ไม่เป็นเรื่อง
ที่อ่านแล้วงงมึน ตีความสุดฤทธิ์ก็ยังงง (ไม่รวมแคนโต้ เก็บเซนริวนะคะ)
เพราะตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องเล่า เรื่องสั้น นิยาย นวนิยาย ความรู้รอบๆตัว
ส่วนตัวเองแล้วก็ชอบที่จะอ่านนะคะ (เลือกนิดหนึ่ง)

ที่ว่ารำพึงรำพันไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะเราคิดไม่ถึงเช่น (เขียนเองงงเอง ของเก่าค่ะ ไม่เคยลง)

เธอสวยเหมือนดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ใช่! ใช่!
นั่นแสง ไม่ๆๆๆ ฉันเป็นดอกไม้เธอเป็นแสง เธอให้ความอบอุ่นฉัน ฉันจะบานให้เธอดู

--- ก็เข้าใจนะคะที่เขียน เขียนแบบไม่รู้เรื่อง เอ่อ...แบบไหน แบบนี้หรือเปล่า

'ฉันรักเธอเหลือเกินแม่ดอกไม้ริมทาง ฉันจะคว้าเธอมาเพื่อเชยชมก็แสนง่าย
แต่ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นเพราะฉันรักเธอ ถ้าหากฉันเด็ดเธอมาเชยชมประเดี๋ยวเพียงชั่วครู่ชั่วยามเธอก็จะจากฉันไป
แต่ถ้าเธออยู่ที่ริมทางนั้น ฉันก็จะได้เชยชมเธอไปได้อีกนานกว่าเธอจะโรย เธอถามว่าฉันเป็นใครฉันเป็นสายลมของเธอ'

ย้ากกกกกกกกกกกก เขียนไม่เป็น ขออภัยค่ะ นอกประเด็นไปไกล ประเด็นของตัวเองอยู่ด้านบนค่ะ

ป.ล. พิมพ์นานไปสักหน่อยสมาชิกหลายท่านแซงต่อกระทู้ก่อนเสียแล้ว สุดเศร้าใจ





                  พึ่งจะรู้ว่าคุณพิมพ์วาส ไม่ค่อยชอบกลอนแบบรำพึงรำพันที่ไม่มีเรื่องมีเรื่องราว
ก่อนอื่นอยากให้คุณทำความเข้าใจก่อนว่า สมาชิกส่วนมากไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ
เป็นเพียงผู้มีใจรักในบทกลอนเท่านั้น  ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่นักถ่ายทอดเรื่องราว
หรือแต่งกลอนให้เป็นเรื่องเป็นราวแบบมืออาชีพได้  ดังนั้นเราจึงเห็นบทกลอนประเภท
รักนะ(แต่ไม่รู้รักใคร)  อกหักผิดหวัง(แต่ไม่รู้ว่าอกหักจากใคร  เรื่องอะไร  เมื่อไหร่ ที่ไหน)
ก็คนมันไม่ได้มีความรัก จะให้เขียนกลอนบอกรักได้ลึกซึ้งได้อย่างไร  แล้วกลอนอกหักนั่นก็อีก
ก็คนมันไม่ได้อยู่ในอารมณ์อกหัก  แล้วจะให้แต่งกลอนอกหักได้อย่างไร  มันจึงมีแต่กลอน
ที่บอกรัก  ว่าอกหัก ว่าเจ็บปวดรวดร้าว(แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร)อยู่แค่นั้น
คนที่จะเขียนผูกเรื่องให้มันดูสมจริงทั้งๆที่ตนเองไม่ได้เป็นจึงมีแต่นักเขียนมืออาชีพเท่านั้นถึงทำได้
                อนึ่งควรทราบว่ากลอนก็คือคำพูดชนิดหนึ่งเท่านั้น ก็เมื่อนเมื่อกลอนคือคำพูด
ดังนั้นมันจึงมีทั้งกลอนที่เพราะและไม่เพราะ  วันไหนคนแต่งอารมณ์ดีก็พูดรู้เรื่อง กลอนที่แต่งก็เพราะ
วันไหนคนแต่งอารมณ์ไม่ดี เครียด คิดอะไรไม่ออก ก็พูดไม่รู้เรื่อง  กลอนที่แต่งออกมาจึงไม่เพราะ
                  แล้วการที่จะพูดกันให้เป็นเรื่องเป็นราวได้เนื้อหาสาระนั้น มันก็ต้องมีประเด็นที่จะพูด
ซะก่อน มันถึงจะพูดได้เนื้อหาสาระ    แต่บางคนไม่มีประเด็นที่จะพูด  แต่อยู่เฉยๆไม่ได้ ต้องขอพูด
ซะหน่อย  ไม่พูดเดี๋ยวเปรี้ยวปากลงแดงตาย  ดังนั้นเมื่อไม่มีประเด็นอะไรที่จะพูด แต่ต้องการจะพูด
ให้ได้มันจึงกลายเป็นพูดบ่นเรื่อยเปื่อยไป  เอาเรื่องเอาราวหาสาระไม่ได้
การแต่งกลอนมันก็ดุจเดียวกัน ถ้าคนแต่งมีประเด็นที่จะแต่งชัดเจน กลอนที่แต่งมันก็ออกมาดี
มีเรื่องราว   แต่บางคนไม่มีประเด็นที่จะแต่งหรอก ไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องอะไรแต่ขอข้าได้แต่งไว้ก่อน
ดังนั้นกลอนที่ออกมามันจึงเป็นอย่างที่เห็น  คือคล้ายๆคนที่บ่นๆไปเรื่อยๆไม่มีเรื่องมีราวอะไร
เรื่องนี้ผมได้เคยตั้งกระทู้ชื่อ "เขียนกลอนตอนที่คิดไม่ออก"ซึ่งเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนกระทั่ง
ถูกลบไปเมื่อปีที่แล้ว
                   ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจว่า ก็คนมันไม่มีเรื่องจะพูด  แต่ต้องพูดให้ได้  แล้วจะให้
ทำอย่างไรได้เล่า  กลอนที่ออกมามันจึงเหมือนคนที่บ่นเพ้อไปวันๆ(ไม่ได้ว่าแต่ผู้อื่นหรอก ตัวผมก็เป็นด้วย
บางทีไม่รู้ว่าต้องการเขียนเรื่องอะไร  แต่ขอเขียนไว้ก่อน)







ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รัตนาวดี, Moo Dum, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, จารุทัส, choy, รพีกาญจน์, panthong.kh, ...เป็ดน้ำ..., ช่วงนี้ไม่ว่าง, ชลนา ทิชากร, เฮยอิง, ดุลย์ ละมุน, เพรางาย, Shumbala

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

๐นามแฝงผู้เขียน Orion264(มือขวา),มือขวา,บูรพาทรนง-ตงฟางข้วงแขะ,สิงสู่,ต๊กโกม้อเกี่ยม-มารกระบี่เดียวดาย,
เทพเจ้าไก่

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s