เหมือนกับที่คุณช้อยบอก (ไม่ทราบอ่านว่าอ่านถูกไหมต้องขออภัยค่ะ ส่วนตัวไม่นิยมเขียนภาษาไทยปนภาษาอังกฤษค่ะ)
เรื่องที่อ่านจากคุณช้อย สำหรับตัวเองแล้วตีประเด็นออกมาได้ว่า 'เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม'
ก็เหมือนกับเมื่อเจอสังคมกลอนก็ย่อมจะคุยสนทนาทักทายกันเป็นกลอนเป็นธรรมดา
สุภาษิตข้างตนหมายความว่า "ที่แห่งใดเขาประพฤติตามเขาไปด้วย อย่าไปประพฤติขัดแย้งกับเขา"
ดังนั้นเมื่อเราขึ้นชื่อว่า 'บ้านกลอนไทย' ก็ย่อมเป็นนักเขียนกลอนอยู่แล้ว
แต่ในบ้านกลอนไทยก็มีหมวดต่างๆให้เลือกว่าจะเขียนกลอนแนวไหน จะทำอะไรก็มีที่ให้สนทนากัน
หรือเข้าห้อง สนทนา ไปคุยกันเลยก็ได้ ทางเว็บก็มีให้
ส่วนตัวจะเป็นอะไรก็ได้ค่ะที่ไม่เกี่ยวกับการรำพึงเพ้อพบ พรรณนาเพ้อพร่ำต่างๆ ไม่เป็นเรื่อง
ที่อ่านแล้วงงมึน ตีความสุดฤทธิ์ก็ยังงง (ไม่รวมแคนโต้ เก็บเซนริวนะคะ)
เพราะตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องเล่า เรื่องสั้น นิยาย นวนิยาย ความรู้รอบๆตัว
ส่วนตัวเองแล้วก็ชอบที่จะอ่านนะคะ (เลือกนิดหนึ่ง)
ที่ว่ารำพึงรำพันไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะเราคิดไม่ถึงเช่น (เขียนเองงงเอง ของเก่าค่ะ ไม่เคยลง)
เธอสวยเหมือนดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ใช่! ใช่!
นั่นแสง ไม่ๆๆๆ ฉันเป็นดอกไม้เธอเป็นแสง เธอให้ความอบอุ่นฉัน ฉันจะบานให้เธอดู
--- ก็เข้าใจนะคะที่เขียน เขียนแบบไม่รู้เรื่อง เอ่อ...แบบไหน แบบนี้หรือเปล่า
'ฉันรักเธอเหลือเกินแม่ดอกไม้ริมทาง ฉันจะคว้าเธอมาเพื่อเชยชมก็แสนง่าย
แต่ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นเพราะฉันรักเธอ ถ้าหากฉันเด็ดเธอมาเชยชมประเดี๋ยวเพียงชั่วครู่ชั่วยามเธอก็จะจากฉันไป
แต่ถ้าเธออยู่ที่ริมทางนั้น ฉันก็จะได้เชยชมเธอไปได้อีกนานกว่าเธอจะโรย เธอถามว่าฉันเป็นใครฉันเป็นสายลมของเธอ'
ย้ากกกกกกกกกกกก เขียนไม่เป็น ขออภัยค่ะ นอกประเด็นไปไกล ประเด็นของตัวเองอยู่ด้านบนค่ะ
ป.ล. พิมพ์นานไปสักหน่อยสมาชิกหลายท่านแซงต่อกระทู้ก่อนเสียแล้ว สุดเศร้าใจ
พึ่งจะรู้ว่าคุณพิมพ์วาส ไม่ค่อยชอบกลอนแบบรำพึงรำพันที่ไม่มีเรื่องมีเรื่องราว
ก่อนอื่นอยากให้คุณทำความเข้าใจก่อนว่า สมาชิกส่วนมากไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ
เป็นเพียงผู้มีใจรักในบทกลอนเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่นักถ่ายทอดเรื่องราว
หรือแต่งกลอนให้เป็นเรื่องเป็นราวแบบมืออาชีพได้ ดังนั้นเราจึงเห็นบทกลอนประเภท
รักนะ(แต่ไม่รู้รักใคร) อกหักผิดหวัง(แต่ไม่รู้ว่าอกหักจากใคร เรื่องอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน)
ก็คนมันไม่ได้มีความรัก จะให้เขียนกลอนบอกรักได้ลึกซึ้งได้อย่างไร แล้วกลอนอกหักนั่นก็อีก
ก็คนมันไม่ได้อยู่ในอารมณ์อกหัก แล้วจะให้แต่งกลอนอกหักได้อย่างไร มันจึงมีแต่กลอน
ที่บอกรัก ว่าอกหัก ว่าเจ็บปวดรวดร้าว(แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร)อยู่แค่นั้น
คนที่จะเขียนผูกเรื่องให้มันดูสมจริงทั้งๆที่ตนเองไม่ได้เป็นจึงมีแต่นักเขียนมืออาชีพเท่านั้นถึงทำได้
อนึ่งควรทราบว่ากลอนก็คือคำพูดชนิดหนึ่งเท่านั้น ก็เมื่อนเมื่อกลอนคือคำพูด
ดังนั้นมันจึงมีทั้งกลอนที่เพราะและไม่เพราะ วันไหนคนแต่งอารมณ์ดีก็พูดรู้เรื่อง กลอนที่แต่งก็เพราะ
วันไหนคนแต่งอารมณ์ไม่ดี เครียด คิดอะไรไม่ออก ก็พูดไม่รู้เรื่อง กลอนที่แต่งออกมาจึงไม่เพราะ
แล้วการที่จะพูดกันให้เป็นเรื่องเป็นราวได้เนื้อหาสาระนั้น มันก็ต้องมีประเด็นที่จะพูด
ซะก่อน มันถึงจะพูดได้เนื้อหาสาระ แต่บางคนไม่มีประเด็นที่จะพูด แต่อยู่เฉยๆไม่ได้ ต้องขอพูด
ซะหน่อย ไม่พูดเดี๋ยวเปรี้ยวปากลงแดงตาย ดังนั้นเมื่อไม่มีประเด็นอะไรที่จะพูด แต่ต้องการจะพูด
ให้ได้มันจึงกลายเป็นพูดบ่นเรื่อยเปื่อยไป เอาเรื่องเอาราวหาสาระไม่ได้
การแต่งกลอนมันก็ดุจเดียวกัน ถ้าคนแต่งมีประเด็นที่จะแต่งชัดเจน กลอนที่แต่งมันก็ออกมาดี
มีเรื่องราว แต่บางคนไม่มีประเด็นที่จะแต่งหรอก ไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องอะไรแต่ขอข้าได้แต่งไว้ก่อน
ดังนั้นกลอนที่ออกมามันจึงเป็นอย่างที่เห็น คือคล้ายๆคนที่บ่นๆไปเรื่อยๆไม่มีเรื่องมีราวอะไร
เรื่องนี้ผมได้เคยตั้งกระทู้ชื่อ "เขียนกลอนตอนที่คิดไม่ออก"ซึ่งเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนกระทั่ง
ถูกลบไปเมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจว่า ก็คนมันไม่มีเรื่องจะพูด แต่ต้องพูดให้ได้ แล้วจะให้
ทำอย่างไรได้เล่า กลอนที่ออกมามันจึงเหมือนคนที่บ่นเพ้อไปวันๆ(ไม่ได้ว่าแต่ผู้อื่นหรอก ตัวผมก็เป็นด้วย
บางทีไม่รู้ว่าต้องการเขียนเรื่องอะไร แต่ขอเขียนไว้ก่อน)