ไร้ดวงตาใช่ว่าใจจะไม่มี
ถึงตาดีเพื่อนรักของฉัน ทุกครั้งที่ฉันมีเวลาว่าง ฉันมักจะมานั่งเขียนจดหมายถึงเธอเสมอ เพราะฉันใช้มือและใจเขียน ไม่ได้ใช้ตาซะหน่อย ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ฉันมีเรื่องราวมากมายที่อยากเล่าให้เธอฟัง ฉันไม่ขออะไรมากหรอก แค่อยากให้เธอเบิ่งตาไว้จะได้เข้าใจในตัวตนของฉัน และอ่านจากใจรับรู้ถึงความรู้สึกของฉันบ้างเท่านั้นเอง
วันนี้ ฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่อยากบอกแต่ใจมันตะโกนเริงร่าที่ได้มาเที่ยวที่กรุงเทพมหานคร มันเป็นความตั้งใจและความใฝ่ฝันของฉันเลยหละ ในตอนเช้า ฉันได้นั่งรถเมล์ไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดินรัชดาภิเษก เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้นั่งรถเมล์ ความจริง จะเรียกว่านั่งก็คงจะไม่ถูกนักหรอก เรียกว่ายืนโหนเป็นลิงจึงจะถูกกว่า แหม ก็คนอัดกันแน่นเป็นปลากระป๋องซะขนาดนั้น จะหาที่นั่งได้จากที่ไหนกันหละ ฉันได้ยินเสียงแห่งความวุ่นวายดังอยู่รอบๆตัว ความรู้สึกในตอนนั้น ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นเลยแหละ ก็ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้นี่นา ในที่สุด ฉันก็มาถึงจุดหมายปลายทางเพียงแค่อึดใจ แต่เสมือนเดินทางเป็นแรมปี ผู้คนพากันลงจากรถเมล์ แล้วแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน เช่นเดียวกัน ฉันเดินเข้ามาในสถานีรถไฟ วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปถึง แปลกจังเลยนะ โครงสร้างทุกอย่างที่ฉันสามารถสัมผัสได้มันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรไปจากบนพื้นดินเลย มีเพียงความรู้สึกเล็กๆ ในหู ที่มันอื้อขึ้นมา เหมือนจะเตือนว่าความกดอากาศมันไม่ธรรมดา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า กำลังอยู่ใต้ดิน นี่เป็นอัศจรรย์ใจครั้งแรกของฉันขณะนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ที่นั่น มีคนอธิบายให้ฉันฟังว่า มีห้องสำหรับจัดรายการโทรทัศน์ และมีภาพศิลปะต่างๆที่เป็นของตกแต่งภายในด้วย ฉันอยากรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร อยากที่จะสัมผัสมันดูสักครั้ง แต่เพื่อนเอ๋ย ฉันคงไม่มีโอกาสดีๆถึงเพียงนั้นหรอก อย่างมากก็ทำได้แค่เพียงเคาะกระจกแล้วจินตนาการภาพตามที่เขาอธิบายเท่านั้น ช่างเถอะ ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อฉันเกิดมาเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ ใช่ไหม หยุดเรื่องเศร้าไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนดีกว่า มิเช่นนั้น ฉันอาจจะร่ายยาวต่อไปอีกก็เป็นได้ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนอาจจะเบื่อ แต่ขอร้องนะ อย่าพึ่งรีบวางจดหมายลงเลย ฟังใจไปกับฉันก่อน เพื่อเสพแง่งามในความคิดฉัน
ฉันเดินทางต่อไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฉันไม่ค่อยรู้หรอกนะว่าสถานที่แห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร เท่าที่รู้ ก็น่าจะเป็นตลาดที่ใช้สำหรับการซื้อขายหุ้นอะไรทำนองนั้นแหละ บอกตรงๆว่า ที่นี่ฉันไม่ค่อยให้ความสนใจกับมันเท่าใดนัก ฉันจึงไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เลย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีห้องสมุดมารวย ที่เรียกกันว่ามารวย ถ้าฉันเดานะก็น่าจะตั้งตามชื่อของบุคคลที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกระมัง ห้องสมุดแห่งนี้ จะเป็นห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือต่างๆที่เกี่ยวกับการเล่นหุ้น การซื้อหุ้น และเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ แถมยังมีร้านกาแฟ และคอมพิวเตอร์สำหรับการค้นคว้าหาข้อมูลอีกต่างหาก แหม น่าเสียดายนะที่เจ้าคอมพ์นี้ มันไม่มีเสียง ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็จะลองใช้เครื่องนี้ดูบ้าง ว่าจะมีข้อมูลมากลึกเพียงใด มาฟังฉันร่ายต่อดีกว่านะ ฉันได้เข้าไปดูนิทรรศการชุดแต่งงาน มีทั้งชุดไทยประยุกต์ ชุดเกาะอก และชุดผ้าชีฟองสีขาว ที่ฉันทราบว่ามันเป็นชุดสีขาว ฉันไม่ได้ใช้มือหรือใจดูหรอกนะ ฉันใช้ตาดูเหมือนกับเพื่อนนั่นแหละ แต่เป็นตาของคนอื่น พี่เขาบอกว่า ชุดสีขาวนี้สวยมากเลย ฉันคิดไม่ต่างกัน แม้ว่าดวงตาไร้สิทธิ์ที่จะคิดเห็นแต่ดวงใจไม่ไร้สิทธิ์ที่จะคิดฝัน ฉันมองไม่เห็นแสงตะวันที่สาดส่องมา ฉันสื่อภาษากับมันด้วยใจ แม้บางครั้งฉันน้อยใจในสิ่งที่เป็น อาจมองไม่เห็นเส้นทางที่สว่างไสวแต่ฉันยังคงเดินก้าวไปด้วยดวงใจที่สดใสมั่นคง ตาดีเพื่อนรัก
ไร้ดวงตาใช่ว่าใจจะไม่มี
ไร้ศักดิ์ศรีใช่ว่าใครไม่รู้สึก
ไร้ความดีใช่ว่าไม่มีสำนึก
จงตรองตรึกให้ดีก่อนตีความ
จาก ใจดี ผู้ไม่มีดวงตา
13 พฤศจิกายน 2012 เวลา 20:27 น.
เนื่องจากเวลามีจำกัด เลยเขียนได้แค่นี้ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรกันบ้างนะคะ อ่านแล้วงงกันหรือเปล่าคะ
มนัสศิยา
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
23 พฤศจิกายน 2024, 03:16:AM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ไร้ดวงตาใช่ว่าใจจะไม่มี (อ่าน 1541 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: