กระท่อมน้อยกลางนาหลังคาจาก
ไผ่ตีฟาก..ห่างห่างพื้นต่างสี
ด้วยผุพังมานานผ่านหลายปี
มองดูสีฝาเก่า..รมเขม่าไฟ
ผ้าสีตุ่นปูนอน..พร้อมขอนหนุน
ไร้ไออุ่นอ้างว้าง..แลทางไหน
ก็หนาวเหน็บเจ็บถึงก้นบึ้งใจ
จะหาใครปรานีไร้วี่แวว
ท่ามเดือนเสี้ยวเสียงลมผสมน้ำค้าง
ที่พรมพร่างใบหญ้าว่าเสียงแผ่ว
หมอกลอยเลื่อนเคลื่อนคลุมพุ่มนมแมว
จวนเช้าแล้วยังข่มตาหน่ายอารมณ์
จะต้องรอนานไหม..ใครคนนั้น
หรือว่าฝันเลือนร้างกลางใจขม
กระท่อมน้อยคนเหงาเศร้าระทม
ความหวังล่มฝันร้างอยู่กลางดิน
แซมค่ะ
กระท่อมน้อย คอยรัก ถักทอฝัน
แหงนมองจันทร์ ฉันเหงา เขาลืมสิ้น
ลืมน้ำค้าง กลางไพร ลืมไอดิน
ลืมแม้กลิ่น ลอมฟาง ข้างคอกควาย
เคยร่วมเรียง เคียงหมอน นอนขี่ฟาก
เธอตีจาก พรากไป ใจแหนงหน่าย
หลงไขว่คว้า หาสุข สนุกสบาย
ทิ้งเพื่อนชาย ปลายทุ่ง มุ่งหน้าไกล
มองเดือนเสี้ยว เหลียวหา อุราร้าว
หนาวเหน็บหนาว ลมพัด สะบัดไหว
มองนภา ฟ้ากว้าง อ้างว้างใจ
เหลียวแลไป ไม่เห็น เยือกเย็นทรวง
เธอจากไป ไกลลับ ไม่กลับหวน
สายลมครวญ หวนไห้ ใจกำสรวล
คิดถึงเธอ เพ้อพร่ำ เฝ้าค่ำครวญ
แสงจันทร์นวล ชวนให้ ใจร้าวราน
ชลนา ทิชากร
แหงนมองจันทร์ ฉันเหงา เขาลืมสิ้น
ลืมน้ำค้าง กลางไพร ลืมไอดิน
ลืมแม้กลิ่น ลอมฟาง ข้างคอกควาย
เคยร่วมเรียง เคียงหมอน นอนขี่ฟาก
เธอตีจาก พรากไป ใจแหนงหน่าย
หลงไขว่คว้า หาสุข สนุกสบาย
ทิ้งเพื่อนชาย ปลายทุ่ง มุ่งหน้าไกล
มองเดือนเสี้ยว เหลียวหา อุราร้าว
หนาวเหน็บหนาว ลมพัด สะบัดไหว
มองนภา ฟ้ากว้าง อ้างว้างใจ
เหลียวแลไป ไม่เห็น เยือกเย็นทรวง
เธอจากไป ไกลลับ ไม่กลับหวน
สายลมครวญ หวนไห้ ใจกำสรวล
คิดถึงเธอ เพ้อพร่ำ เฝ้าค่ำครวญ
แสงจันทร์นวล ชวนให้ ใจร้าวราน
ชลนา ทิชากร