มาจะกล่าวบทไป
ถึงลุงไพรใจดีฤทธีกล้า
บ้านเคยอยู่อู่เคยนอนร้อนขึ้นมา
แปลกอุราเสียจังเสียงปังปึง
แสงฟ้าแลบแปลบปลาบใครคาบแก้ว
หรือใครแห่นางแมวใส่หม้อนึ่ง
หรือว่าช้างชนกันดังตังตึง
แล้วหรี่ตาข้างหนึ่งตะลึงมอง
โห สาวสวยบ้านกลอนมาค่อนขอด
ว่าหูหนวกตาบอดไม่สอดส่อง
ทั้งรพีฯลุงไพรฯใหญ่คับคลอง
ปู่รินฯเสี่ยงน้ำนองมาป้องปราม
ตรุษสงกรานต์ผ่านมามีห่าฝน
เจ้าสองคนสาดโคลนไม่เกรงขาม
ปล่อยทั้งสองพันตูถูกคู่งาม
ต่างวู่วามวัดดวงแย่งควงใคร?
เพราะ “ธาราวารี”มีคำหวาน
วางน้ำตาลมาล่อใกล้กอไผ่
สองสาวจึงแย่งกันสนั่นไป
ขอลุงไพรควงสาวน้อยไปปล่อยปลา
“ไพร พนาวัลย์”
มัวแต่กล่าว บทไป ไม่ทันแล้ว
ต้องรีบแจว แน่วนิ่ง วิ่งเถิดหนา
ยุรยาตร เยื้องกาย ร่ายมนตรา
ทำมะงุม มะงาหลา ม่าทันกิน
เป็นเอามาก มายหนอ พ่อขาใหญ่
กลุ้มฤทัย ไห้หวน ทวนถวิล
หลบหลีกเมีย แสนยาก ลำบากจินต์
ช้ำชีวิน เอ้ออ้า ป้าด่าเปิง
ทำหูบอด ปอดแหก แตกตกหล่น
ทำหน้าย่น บ่นใบ้ ใส่อีเกิ้ง
ปากขยับ ค้างคา พากระเจิง
เจิดกระเดิ้ง ข้ามหัว อย่างพัวพัน
ตรุษสงกรานต์ ผ่านมา ด่ากันยับ
ต้องหนีกลับ หลบเร้น เช่นตัวฉัน
ไปอยู่วัด ขัดเกลา เศร้าจาบัลย์
ลุสามวัน เปิดบ้านกลอน ต้องร้อนใจ
ด้วยสาวดิน ดิ้นดั่ง ดังผีเข้า
ต้องเชิญเจ้า รพีฯ มารี่ไล่
เชิญปู่ริน ยากูซ่า คว้าลุงไพร
ช่วยกันไล่ ผีออก ฝากบอกดิน
พันทอง
ม่า = ไม่ คนพม่าพูดไม่ชัด
อีเกิ้ง= ดวงจันทร์
กระเดิ้ง = กระด้ง (อ้างอิง ป๋ารพีฯจ้า)