รอยเท้าที่เธอลิขิต
๑–กว่าจะก้าวเท้าถึงซึ่งวันนี้
เธอมากมีรอยเท้าที่ก้าวผ่าน
ยั่งยืนยงคงประทับอยู่กับกาล
เป็นตำนานขานรับกับเวลา
อาจมากรอยไหน่หนามทิ่มตำเท้า
อาจเป็นเงาทาบประทับกับหินผา
อาจมีรอยบาดแก้มแต้มน้ำตา
หากจารึกผนึกค่าพร่าชลนัยน์
๒–เพ่งผลงานตระหง่านตั้งทั่วทั้งบ้าน
บอกเดือนวันยาวนานกาลสมัย
บอกถึงจุดอุดมการณ์อันยาวไกล
บอกถึงวัยชีพผ่านเนิ่นนานปี
นึกถึงวันก่อนเท้าจักก้าวย่าง
เห็นโค้งรุ้งพุ่งพร่างเพริศรังสี
ฝันเห็นยิ้มพริ้มละไมเยื่อไยดี
มากไมตรีโอบเอื้อเหนือฟ้างาม
นึกวันแรกแปลกหน้ากลางโลกกว้าง
เหมือนโดดเดี่ยวอ้างว้างกลางดงหนาม
เหมือนเรือน้อยว้าเหว่ทะเลคราม
กลางโมงยามมืดมิดคว้างทิศทาง
๓--แล้วคืนวันนานไกลกลางสายหมอก
กระซิบบอกธารดาวสกาวพร่าง
แลขอบฟ้าขลิบทองเรืองรองราง
เห็นก้าวย่างทอดท้าอนาคต
เนิ่นนานวันเดือนปีที่ผ่านผัน
คือคืนวันอันเกิดก่อทรหด
มีช่อไม้ตอบไมตรีเกียรติยศ
เสียงปรบมือปรากฏให้จดจำ
มีดนตรีบรรเลงเพลงพลิ้วหวาน
มีสายธารน้ำใจใสเย็นฉ่ำ
มีนกน้อยร้อยทำนองพร้องลำนำ
มีดาวค่ำนำนิมิตทิศก้าวไกล
มีแสงทองส่องทางทิศข้างหน้า
เป็นสัญญาณหาญกล้าท้าก้าวใหม่
เป็นมิ่งขวัญปณิธานอันจริงใจ
นิมิตในปีทองครองตำนาน
๔--ไม่มีใครไต่แต้มแมกแก้มเมฆ
เหมือนเธอเสกระบายเพริศฟ้าเฉิดฉาน
ไม่มีใครแต่งแต้มกับแก้มกาล
ซึ่งจักจารเหลี่ยมเพชรเก็จก่องใจ
แม้ช่อไม้, กวีล้านสรรพสรรเสริญ
ก็ไม่เกินเธอลิขิตนิมิตได้
ทุกรอยเท้าที่ประทับกับกาลไว้
ไม่มีใครจำหลักเท่า เท้าเธอเอง!
ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ๒๕๔๘
( แด่ศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๔ เนื่องในวันศิลปินแห่งชาติ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ )