เอิง เงิง เงย ชะ เอ่อ เงิง เงย
แต่งกลอนทุกวัน ฉันชักจะเบื่อ
ถ้าขืนแต่งพร่ำเพรื่อ เชื่อฉันเถิดหนา
กลอนเศร้ากลอนโศก กลอนวิโยครัก
ทั้งกลอนคนอกหัก กลอนสักวา
แต่งลอยลอยหนอยแน่ แกช่างเพ้อฝัน
แต่งรำพึงรำพัน หาว่าฉันบ้า
ได้นั่งอ่านงานเขียน เพื่อนเพียรเวียนอยู่
อ่านหลายบทกระทู้ ดูก็รู้ว่า
ช่างขยันขันแข็ง เสริมแต่งกลอนร่าย
กลเม็ดเด็ดพราย มากมายมีค่า
เอ๋ย..มีค่าน่าคิด เตือนชีวิตด้วย
ท่านก็แต่งได้สวย ช่วยจรรโลงหล้า
สาว"พันทอง"น้องเก่ง เร่งแต่งเร่งตอบ
"ยากูซ่า" ก็ชอบ ตอบแบบสุดซ่าส์
"ณัชชา" คนงาม วาบหวามบทกลอน
"ละอองดิน" ก็อ้อน ตอบก่อนนำหน้า
ท่าน "ไร้นาม-ไร้น่วม" อ่วมศัพท์สูง
ฉันนี้ยังถูกจูง มุ่งขึ้นบนฟ้า
ท่านลุง "รพีกาญจน์" แต่งหวานเยิ้มหยด
เป็นพื้นบ้านชนบท เสริมรสสูงค่า
ท่าน "ไพร พนาวัลย์" ท่านแต่งไม่บ่อย
แต่ฝีมือใช่ย่อย ปล่อยกระบวนท่า
"ประภาคาร" งานนิ้ง หญิงแซมสร้างสรรค์
ถ้างานแรงเหนือชั้น ละก็ต้องท่าน "มือขวา"
"ปู่ริน ดอนบูรพา" ท่านเข้ามากระเซ้า
แต่งกลอนบอกหยอกเย้า เอ้า..เอาละหวา
"รัตนาวดี" งานมีระดับ
แต่งกล่อมให้หมูหลับ คอพับฟุบหน้า
"เนิน จำราย" กรายย่าง เข้ามาวางฝาก
รำพึงจากน้องนาก ถึงพี่มากขา
นักกลอนรุ่นใหม่ ใส่พลังแรง
มีท่าน "ขลุ่ยกรรแสง" แต่งประจำจ้า
"กรกช" จดร่าย ถ่ายทอดเสมอ
ใส่ทุกบทจดเบอร์ เออ..ดูเข้าท่า
เอ๋ย.. เข้าท่า เข้าท่า ทุกท่านมาแบ่งปัน
สนุกสนานทั่วกัน ฉันต้องขอลา....
เอ่ชา เอชา ชาชาฉ่าชา หนอยแม
Moo Dum
เพลงฉ่อย มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เพลงไอ้เป๋ เนื่องจากพ่อเพลงฉ่อย ยุคแรกชื่อ ตาเป๋ มี ยายมา เป็นภรรยา เริ่มแรกเพลงฉ่อย หรือ เพลงเป๋ เป็นที่นิยมในแถบ จังหวัดฉะเชิงเทรา และ จังหวัดใกล้เคียง ประมาณก่อนยุค พ.ศ. 2437 เป็นต้นมา ส่วนครูเพลงฉ่อย ยุคแรกเริ่มก็มี ครูเปลี่ยน - ครูเป๋ - ครูฉิม - ครูศรี - ครูบุญมา - ครูบุญมี ครูเพลงเหล่านี้มีแค่ชื่อ และ ตำนานส่วนประวัติไม่มีเลย เพลงฉ่อย นี้ปรับปรุงและดัดแปลงมาจาก เพลงโคราช - เพลงเรือ และเพลงปรบไก่ เป็นต้น ก็สาเหตุเนื่องจาก เวลาปรบมือเป็นจังหวะเพลงปรบไก่ ร้องบทไหว้ครูและเกริ่นอย่างเพลงโคราช ใช้กลอนก็ใช้คล้ายกับเพลงเรือ แต่อย่างไรเพลงฉ่อย ก็น่าจะอยู่ในยุคต้นสมัยรัชกาลที่ 5
นอกจากนี้แล้วเพลงฉ่อย ยังมีชื่ออื่นอีก "ฝ่ายเหนือ" อาจหมายถึงจังหวัดทางล่างเช่น จังหวัดอุทัยธานี - จังหวัดนครสวรรค์ - จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น
ส่วนคำว่า "เพลงตะขาบ" (ต้นฉบับเดิมใช้ ข.ขวด) คนเพลงเก่า ๆ เรียกเพลง..วง.. เพราะของเดิมยืนเป็นวง เล่นกับลานดิน เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีเวที ดั่งกับปัจจุบันนี้ ส่วนบ้างคนก็เรียกว่า "เพลงฉ่า" เพราะเวลารับเพลง รับว่า เอ่ชา เอ๊ช้า ชาฉ่าชา หนอยแม่ เลยเรียกติดกัน จนปัจจุบันคนก็ยังเอามาร้อง เล่นกันส่วนมากเป็นท่อนนี้ ชาวโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ก็เรียกศัพย์บัญญัติแปลก ๆ พิสดารอีกว่า "เพลงทอดมัน"
รวมอายุของบทเพลงฉ่อยแล้ว อายุไม่น่าเกิน 126 ปี
เอกลักษณ์เพลงฉ่อยบางส่วน
ทางจังหวัดอุทัยธานี - จังหวัดนครสวรรค์ รับเพลงว่า เอ่ชา เอชา เอ๊ชา ฉ่าชาเอย
ส่วนทาง จังหวัดอยุธยา - จังหวัดอ่างทอง - จังหวัดสุพรรณบุรี รับเพลงว่า เอ่ชา ชา ชาฉ่าชาเอย
ส่วนทางใต้ กรุงเทพมหานคร - จังหวัดราชบุรี รับเพลงว่า เอ่ชา เอชา ชาชาฉ่าชา หนอยแม
จาก วิกิพีเดีย