ใน.."เส้นขนาน บนทางรัก"
อยากให้รักเราเป็นดั่งเส้นขนาน
เพื่อพบพานชื่นชมเจ้าโฉมฉาย
ทางของเรากลมเกลียวไม่เดียวดาย
อยู่ข้างกายเคียงกันทุกวันคืน
แม้วันนี้ทางนั้นมิบรรจบ
แต่ไม่เคยเลี่ยงหลบกลบเกลียวคลื่น
เรายังอยู่ใกล้กันนะขวัญยืน
ยังหยิบยื่นน้ำใจด้วยไมตรี
ทางของเราเคียงกันแบ่งปันรัก
เพื่อรู้จักกันให้มากจากเดิมที่
รู้กันเพียงบางมุมไม่ชุ่มฤดี
ต่อแต่นี้ตื้นลึกศึกษากัน
ถ้าเราเข้ากันได้ในทุกเรื่อง
ยามขุ่นเคืองเพียงใดอภัยมั่น
ไม่จุกจิกจู้จี้ตะบี้ตะบัน
คงมีวันเราสองได้ครองเคียง
หรือหากเราร่วมทางแล้วห่างเหิน
ไม่อยากเดินร่วมกันรอวันเลี่ยง
ก็ขอเป็นเพื่อนกันวันเดินเอียง
ดีกว่าเสี่ยงเกลียดกันจนวันตาย
รักดั่งเส้นขนานในวันนี้
ย่อมจะดีกว่ารักอย่างมักง่าย
รัก,ยอมรับ,ชื่นชม,ใช่งมงาย
วันสุดท้าย อาจร่วมรางเป็นทางเดียว
“ไพร พนาวัลย์
”เพื่อพบพานชื่นชมเจ้าโฉมฉาย
ทางของเรากลมเกลียวไม่เดียวดาย
อยู่ข้างกายเคียงกันทุกวันคืน
แม้วันนี้ทางนั้นมิบรรจบ
แต่ไม่เคยเลี่ยงหลบกลบเกลียวคลื่น
เรายังอยู่ใกล้กันนะขวัญยืน
ยังหยิบยื่นน้ำใจด้วยไมตรี
ทางของเราเคียงกันแบ่งปันรัก
เพื่อรู้จักกันให้มากจากเดิมที่
รู้กันเพียงบางมุมไม่ชุ่มฤดี
ต่อแต่นี้ตื้นลึกศึกษากัน
ถ้าเราเข้ากันได้ในทุกเรื่อง
ยามขุ่นเคืองเพียงใดอภัยมั่น
ไม่จุกจิกจู้จี้ตะบี้ตะบัน
คงมีวันเราสองได้ครองเคียง
หรือหากเราร่วมทางแล้วห่างเหิน
ไม่อยากเดินร่วมกันรอวันเลี่ยง
ก็ขอเป็นเพื่อนกันวันเดินเอียง
ดีกว่าเสี่ยงเกลียดกันจนวันตาย
รักดั่งเส้นขนานในวันนี้
ย่อมจะดีกว่ารักอย่างมักง่าย
รัก,ยอมรับ,ชื่นชม,ใช่งมงาย
วันสุดท้าย อาจร่วมรางเป็นทางเดียว
“ไพร พนาวัลย์
ใน...สิ้นสุดเสียที
ในโลกนี้..มีเขา เท่านั้นหรือ
ต้องอมมือ งอนง้อ รอแต่เขา
ยังอาลัย ไม่จาง ลงบางเบา
ก่นแต่เศร้า เฝ้าตรม จมน้ำตา
คงมิกลับ รับดี ที่ยื่นให้
แสร้งเฉไฉ ลำพอง เมินมองหน้า
แก้วหูตึง ขึงคำ จำนรรจา
นิ่งเย็นชา ตาค้าง ฟางมืดมัว
มันเลยเส้น เกณฑ์กาล นานคืนหลัง
สนิมกรัง เกรอะขอบ รอบจดขั้ว
ถึงจะเคาะ เดาะใจ ให้รู้ตัว
ยากจะจั่ว ร่างเหม็น ยึดเอนอิง
เพราะเพรงกรรม นำพา มาพานพบ
ชดใช้จบ ว่างเปล่า เขาก็ทิ้ง
เทียนสิ้นไส้ ไขละลาย หมายประวิง
คงยากยิ่ง เชื่อมมาน ประสานรอย
ควรสำรวจ ตรวจตรอง มองตัวบ้าง
สวยสล้าง ทุกจุด สูงสุดสอย
กลับซีดเซียว เหี่ยวแห้ง เหมือนแร้งคอย
แบกเหงาหงอย สองบ่า ล้าหลังลง
ในโลกนี้..ที่ประจักษ์ รักของแม่
รักเที่ยงแท้ จากใจ ไร้ประสงค์
ห่วงใยลูก ผูกพัน รักมั่นคง
รักยืนยง ชั่วฟ้า สถาพร...
รพีกาญจน์ 59
ต้องอมมือ งอนง้อ รอแต่เขา
ยังอาลัย ไม่จาง ลงบางเบา
ก่นแต่เศร้า เฝ้าตรม จมน้ำตา
คงมิกลับ รับดี ที่ยื่นให้
แสร้งเฉไฉ ลำพอง เมินมองหน้า
แก้วหูตึง ขึงคำ จำนรรจา
นิ่งเย็นชา ตาค้าง ฟางมืดมัว
มันเลยเส้น เกณฑ์กาล นานคืนหลัง
สนิมกรัง เกรอะขอบ รอบจดขั้ว
ถึงจะเคาะ เดาะใจ ให้รู้ตัว
ยากจะจั่ว ร่างเหม็น ยึดเอนอิง
เพราะเพรงกรรม นำพา มาพานพบ
ชดใช้จบ ว่างเปล่า เขาก็ทิ้ง
เทียนสิ้นไส้ ไขละลาย หมายประวิง
คงยากยิ่ง เชื่อมมาน ประสานรอย
ควรสำรวจ ตรวจตรอง มองตัวบ้าง
สวยสล้าง ทุกจุด สูงสุดสอย
กลับซีดเซียว เหี่ยวแห้ง เหมือนแร้งคอย
แบกเหงาหงอย สองบ่า ล้าหลังลง
ในโลกนี้..ที่ประจักษ์ รักของแม่
รักเที่ยงแท้ จากใจ ไร้ประสงค์
ห่วงใยลูก ผูกพัน รักมั่นคง
รักยืนยง ชั่วฟ้า สถาพร...
รพีกาญจน์ 59
ใน "เอื้อมไม่ถึง"
ก่อนคงไม่ ใส่บาตร ขาดร่วมขัน
ชาตินี้พลัน รันทด ชีพหดหู่
ชายใจดำ ทำเป็น แสร้งเอ็นดู
คิดหาคู่ แค่คน ยังจนมาน
ดีดกระดิ่ง ติงตอง ปากร้องทัก
บางคนสัก ถักเพลง บรรเลงหวาน
ถ้อยระรื่น ชื่นชอบ ต่อตอบกานท์
ชวนละบ้าน ทิ้งพ่อ แม่ก็มี
อยู่หนึ่งเดียว เปลี่ยวกาย สบายจิต
ผูกชีวิต เคียงสอง อาจหมองศรี
ไร้สงบ พบชาย ร้ายทวี
เขาทำดี ปีเริ่ม ฮึกเหิมพาล
อายุขัย ใช่รุ่น ปูนแก่เฒ่า
เดินยกเข่า ยันขา น่าสงสาร
ยืนโก่งงอ คอเอียง หนังเหนียงยาน
เขาเอาเป็น ยาทาน ขนานใด
เลิกมือเอื้อม เชื่อมรัก ชูจั๊กแร้
เฝ้าดูแม่ แลพ่อ หนอดีไหม
เป็นอาธร อ่อนหวาน หลานทุกวัย
ว่างเมื่อไร หันหน้า มาแต่งกลอน
รพีกาญจน์
ชาตินี้พลัน รันทด ชีพหดหู่
ชายใจดำ ทำเป็น แสร้งเอ็นดู
คิดหาคู่ แค่คน ยังจนมาน
ดีดกระดิ่ง ติงตอง ปากร้องทัก
บางคนสัก ถักเพลง บรรเลงหวาน
ถ้อยระรื่น ชื่นชอบ ต่อตอบกานท์
ชวนละบ้าน ทิ้งพ่อ แม่ก็มี
อยู่หนึ่งเดียว เปลี่ยวกาย สบายจิต
ผูกชีวิต เคียงสอง อาจหมองศรี
ไร้สงบ พบชาย ร้ายทวี
เขาทำดี ปีเริ่ม ฮึกเหิมพาล
อายุขัย ใช่รุ่น ปูนแก่เฒ่า
เดินยกเข่า ยันขา น่าสงสาร
ยืนโก่งงอ คอเอียง หนังเหนียงยาน
เขาเอาเป็น ยาทาน ขนานใด
เลิกมือเอื้อม เชื่อมรัก ชูจั๊กแร้
เฝ้าดูแม่ แลพ่อ หนอดีไหม
เป็นอาธร อ่อนหวาน หลานทุกวัย
ว่างเมื่อไร หันหน้า มาแต่งกลอน
รพีกาญจน์