บทประพันธ์ของ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิต
เสียงจากความจน
๏ สองหูแว่วแผ่วเสียงสำเนียงโหย
เสียงโอดโอยโหยไห้ของใครหนา
เสียงนั้นแห้งแหบแผ่วแว่วแว่วมา
เสียงโหยหาร่ำไห้ของใครกัน
ฟังซิฟังฟังไว้จะได้รู้
เสียงของผู้อับโชคต้องโศกศัลย์
ทุกข์ระทมขมขื่นทุกคืนวัน
เพ้อรำพันฝันเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ข้าเกลียดบ้านฐานถิ่นที่กินอยู่
ช่างอุดอู้ดูไปแล้วใจหาย
ข้าเกลียดฝนหล่นพรูกรูกระจาย
สุดแฝงกายให้พ้นน้ำฝนนอง
ข้าเกลียดลมหนาวเหนือเมื่อพัดผ่าน
แทรกสะท้านวาบหวิวผิวสยอง
ข้าเกลียดน้ำเหนือหลากเจิ่งฟากนอง
ให้ข้าท่องลุยน้ำไปทำงาน
ข้าเกลียดเสื้อเกลียดผ้าที่ข้าใส่
ขาดวิ่นไซร้อนิจจาน่าสงสาร
ข้าเกลียดวันเกลียดคืนไร้ชื่นบาน
ได้พ้องพานทุกยามคือความตรม
ข้าเกลียดรักหักอกให้ฟกช้ำ
อกระกำกล้ำกลืนแต่ขื่นขม
ข้าเกลียดรักลวงใจให้ระทม
อกระบมปวดร้าวเศร้าดวงใจ
ข้าเกลียดคำหยามหลู่และดูหมิ่น
เพราะข้าสิ้นสินทรัพย์นับไฉน
ข้าเกลียดคนใจทรามชอบหยามใคร
เมื่อยามไร้ใครจะหลู่สู้กัดฟัน
ข้าเกลียดหล้าฟ้าดินทั้งสิ้นหมด
ชี้กำหนดให้แต่ทุกข์ไร้สุขสันต์
ข้าเกลียดกรรมซ้ำส่งช่วยลงทัณฑ์
กระหน่ำคัลลองชีวิตให้ผิดทาง
ข้าเกลียดหญิงหลายใจที่ไร้สัตย์
รักสลัดลืมวาจาสัญญาสร้าง
ข้าเกลียดชายหลายลิ้นสิ้นรักจาง
แล้วเหินห่างร้างลับไม่กลับมอง
สองหูแว่วแว่วเสียงสำเนียงหวน
เสียงครางครวญชวนให้ฤทัยหมอง
เสียงนั้นแว่วแผ่วมาน่าขนพอง
คือเสียงของความจนค่นแค้นเอย ๚
พันทอง
หมายเหตุ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นราชบัณฑิตประเภทวรรณศิลป์
สาขาวิชาภาษาศาสตร์