ในร่มพฤกษ์
๏ ป่ารักษ์ปักรกปกรังป่า
หวานแพร้วแว่วพาว่าไพรหวาน
กานท์เพลินเกินพราวกล่าวเพรงกานท์
เพียงมองผ่องม่าน..ผ่านมนต์เพียง
๏ ร่อนนกรกนิ่มริมหนองร่อน
เสียงขันสั่นคอนสอนครวญเสียง
เคียงผองครองพงคงเพื่อนเคียง
ทักลานทานเลี่ยง..เที่ยงแล้วทัก
๏ ใสแจ่มแซมจินต์ศิลป์จึงใส
ผักบุ้งพุ่งใบไผ่บางผัก
นักฉ่ำน้ำช่องหนองชุ่มนัก
พงรกพกรักษ์..พักร้อนพง
๏ ขรมเหมือนเคลื่อนมาคราเมียงขรม
ส่งหวงสรวงห่มสมเหตุส่ง
ดงหมีดีหมูดูม้าดง
จินต์หอมจอมหงส์จงเหินจินต์
๏ สายน้ำสำนวนสรวลนุ่มสาย
ปิ่นเพลงเปล่งพรายปลายพราวปิ่น
รินป้องร้องป่าวราวป่าริน
นั้นหักหนักหินนิลแห่งนั้น
๏ หยาดไพรใหญ่พริ้มยิ้มพร้อมหยาด
สรรพลางสร้างผาดสาดพจน์สรร
กันชวนกวนช่อก่อเชิงกัน
ครวญเพียรเขียนพลัน..ครั้นพฤกษ์ครวญ ๚ะ๛
คอนพูทน
หวานแพร้วแว่วพาว่าไพรหวาน
กานท์เพลินเกินพราวกล่าวเพรงกานท์
เพียงมองผ่องม่าน..ผ่านมนต์เพียง
๏ ร่อนนกรกนิ่มริมหนองร่อน
เสียงขันสั่นคอนสอนครวญเสียง
เคียงผองครองพงคงเพื่อนเคียง
ทักลานทานเลี่ยง..เที่ยงแล้วทัก
๏ ใสแจ่มแซมจินต์ศิลป์จึงใส
ผักบุ้งพุ่งใบไผ่บางผัก
นักฉ่ำน้ำช่องหนองชุ่มนัก
พงรกพกรักษ์..พักร้อนพง
๏ ขรมเหมือนเคลื่อนมาคราเมียงขรม
ส่งหวงสรวงห่มสมเหตุส่ง
ดงหมีดีหมูดูม้าดง
จินต์หอมจอมหงส์จงเหินจินต์
๏ สายน้ำสำนวนสรวลนุ่มสาย
ปิ่นเพลงเปล่งพรายปลายพราวปิ่น
รินป้องร้องป่าวราวป่าริน
นั้นหักหนักหินนิลแห่งนั้น
๏ หยาดไพรใหญ่พริ้มยิ้มพร้อมหยาด
สรรพลางสร้างผาดสาดพจน์สรร
กันชวนกวนช่อก่อเชิงกัน
ครวญเพียรเขียนพลัน..ครั้นพฤกษ์ครวญ ๚ะ๛
คอนพูทน
กลบทฟักพันร้าน กลอนเจ็ดคำแต่ละวรรคกำหนดให้ เช่น
ครวญเพียรเขียนพลันครั้นพฤกษ์ครวญ คำที่ ๑ ซ้ำคำที่ ๗ (ครวญ-ครวญ)
สัมผัสอักษร ๒ คู่คือ คำที่ ๑-๓-๕-๗ (ครวญ-เขียน-ครั้น-ครวญ) และคำที่ ๒-๔-๖
(เพียร-พลัน-พฤกษ์) สัมผัสสระ ๒ คู่คือคำที่ ๒-๓ (เพียร-เขียน) และ คำที่ ๔-๕
(พลัน-ครั้น) นอกนั้นเหมือนกลอนสุภาพ ด้วยความขอบคุณ
ครวญเพียรเขียนพลันครั้นพฤกษ์ครวญ คำที่ ๑ ซ้ำคำที่ ๗ (ครวญ-ครวญ)
สัมผัสอักษร ๒ คู่คือ คำที่ ๑-๓-๕-๗ (ครวญ-เขียน-ครั้น-ครวญ) และคำที่ ๒-๔-๖
(เพียร-พลัน-พฤกษ์) สัมผัสสระ ๒ คู่คือคำที่ ๒-๓ (เพียร-เขียน) และ คำที่ ๔-๕
(พลัน-ครั้น) นอกนั้นเหมือนกลอนสุภาพ ด้วยความขอบคุณ