หากโลกสิ้นกวี
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
มวลบุปผชาติมาลีคงเจียมค่า
ไร้ซึ่งกวีเชยชื่นพร่ำพรรณนา
ปวงบุปผาคงเขียมบานไร้ใครมอง
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
เถื่อนไศลผาวนาลีคงค่าหมอง
ไร้ซึ่งกวีรจนาแปรค่าทอง
อย่างช่ำชองชวนพินิจพิสดาร
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
มหานทีชเลสินธุ์คงสิ้นสาส์น
ไร้ซึ่งกวีแปรถ้อยร้อยพจน์กานท์
เพื่อขับขานบึ้งวิญญาณชลาลัย
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ท้าวสุรีย์คงหม่นสิ้นสูรย์สาย
ไร้ซึ่งกวีด่ำดื่มแสงเช้ากราย
อีกแดดบ่ายเคลื่อนขับย่ำอัสดง
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ม่านราตรีเดือนดวงคงหลับหลง
ไร้ซึ่งกวีเตือนย้ำ ข้างขึ้น-แรมลง
ทิ้งดาริกาเฝ้าโยงอยู่ดายเดียว
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
เคียวรุ้งคงทอสันสีฝืนห่อเหี่ยว
ไร้ซึ่งกวีปลอบประโลมและยาเยียว
เมฆคงเศร้าเปล่าเดี่ยวไม่แผกกัน
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
พงศ์สกุณีแมลงไพรคงโศกศัลย์
ไร้ซึ่งกวีนั่งสดับสำเนียงจำนรรจ์
วิหคก็พลันงดบรรเลงมโหรีไพร
หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ความจริง-ความงาม-ความดี อยู่ไฉน
ไร้ซึ่งกวีแปรค่ามาวางราย
คงหล่นหายจมเท้าจ้าวโลกีย์ฯ
สนอง เสาทอง
8 กุมภาพันธ์ 56
อินทามระ 10
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
22 ธันวาคม 2024, 10:15:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: เขาว่ากวีตายแล้ว (อ่าน 72128 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: