เมื่อเริ่มต้นหม่นหมองร้องครวญคร่ำ
พิลาปร่ำย่ำหวังพังสลาย
ลางบอกเหตุเภทภัยใจกล้ำกราย
แต่ยังหมายป่ายเอาเงาวิมาน
ลืมความเหน็บเจ็บช้ำระกำสิ้น
เฝ้าถวิลกลิ่นรักจักหอมหวาน
ปล่อยหัวใจไม่ห้ามความต้องการ
กระหยิ่มซ่านพล่านทรวงดวงฤทัย
มโนภาพอาบอิ่มยิ้มแก้มปริ
ดั่งแรกผลิสิขามาลีใหม่
เหล่าภมรว่อนดมชมกลีบใบ
ก้านดอกไหวใจเทียบเปรียบมาลี
เห็นแต่ด้านหวานสุขทุกข์ไม่เห็น
ไอรักเย็นเป็นแนวแวววับสี
ใจฟูฟ่องผ่องสุขทุกนาที
ไม่เคยมีสีดำนำมาวาง
หวังเคียงคู่อยู่กันหรรษาจิต
มองข้ามฤทธิ์พิษมีที่มุมต่าง
มองแต่เราเหมาหมดงดงามทาง
ส่วนอีกข้างอย่างไรไม่เคยมอง
จนที่สุดจุดจบพบความเขลา
ที่ตัวเราเฝ้ากร่างอย่างผยอง
จุดเริ่มต้นหม่นช้ำคำคะนอง
รักจะครองปองหมายง่ายนักฤา?
"กานต์ฑิตา"
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
รักหอมงาม
หอมเอยหอมรักอุ่นหอมงาม
หอมอวลมิผ่อนจางอุ่นหอมรัก
หอมละไมอุ่นหอมละมุนนัก
หอมละเมียดพรักหอมรักนาง
หอมเอยรักหอมตรึงรวงจิต
หอมตราติดเนานานมิเลือนร้าง
หอมรักหอมยังอวลหอมมิผ่อนบาง
หอมใดเอยเทียบทางหอมความรัก
หอมใดเอยเทียมเท่าหอมเนื้อนวล
หอมตรลบเร้ารึงอวลจำหลัก
หอมจรุงรื่นกรุ่นกรายมาทายทัก
หอมอุ่นรักยังกรุ่นละมุนหอม
หอมรักเอยหอมงามยามรักสม
หอมภิรมย์ค่ำเช้าพะเน้าถนอม
หอมทั้งรูปหอมทั้งใจยามดมดอม
หอมรักหอมยิ่งผกาบุปผาสวรรค์
หอมรักเอยอย่าเช่นหม้อแกงลิง
หอมกลอกกลิ้งหมายประหาร
หอมร้ายเล่ห์, ใจฟาดฟัน
หอมอาสัญผลาญคร่าภมรแมลง
หอมรักเอยหวามหอมยวนเย้าใจ
หอมรักนั้นอย่าหอมร้ายใจกลัดแหนง
หอมเช่นหม้อแกงลิงตะแลงแกง
หอมร้ายแฝงผลาญคร่าประหารวายฯ
สนอง เสาทอง
9 กุมภาพันธ์ 56
อินทามระ 10