แต่งกลอนแปดปวดปร่าน้ำตาหล่น
สาวไม่สนมิอ่านผ่านอักษร
คะแนนขอก็มิให้ใจร้าวรอน
อ่านแต่กลอนเปล่ากันแล้วฝันไกล
บอกกลอนเปล่าเขาหวานล้ำฉ่ำชื่นจิต
อีกความคิดสีสันนั้นสดใส
อ่านแล้วสุขสนุกสนานสำราญใจ
ยิ้มน้อยใหญ่เคลิบเคลิ้มเติมอารมณ์
ส่วนกลอนแปดแผดเผาเขามิอ่าน
ช่างโบราณไม่แช่มชื่นดูขื่นขม
คนแต่งเล่าเขาดูท่ามิน่าชม
ฉันระทมฤทัยไร้คนมอง
ก็จะแบ่งแต่งกลอนเปล่าเผื่อเข้าท่า
มีจ๊ะจ๋าหวานเจี๊ยบเทียบเจ้าของ
สาวสาวจ๋าถ้าสนใจให้รีบจอง
ขอรับรอง...กลอนเปล่าฉันนั้นเปล่าจริง
---กังวาน---
สาวไม่สนมิอ่านผ่านอักษร
คะแนนขอก็มิให้ใจร้าวรอน
อ่านแต่กลอนเปล่ากันแล้วฝันไกล
บอกกลอนเปล่าเขาหวานล้ำฉ่ำชื่นจิต
อีกความคิดสีสันนั้นสดใส
อ่านแล้วสุขสนุกสนานสำราญใจ
ยิ้มน้อยใหญ่เคลิบเคลิ้มเติมอารมณ์
ส่วนกลอนแปดแผดเผาเขามิอ่าน
ช่างโบราณไม่แช่มชื่นดูขื่นขม
คนแต่งเล่าเขาดูท่ามิน่าชม
ฉันระทมฤทัยไร้คนมอง
ก็จะแบ่งแต่งกลอนเปล่าเผื่อเข้าท่า
มีจ๊ะจ๋าหวานเจี๊ยบเทียบเจ้าของ
สาวสาวจ๋าถ้าสนใจให้รีบจอง
ขอรับรอง...กลอนเปล่าฉันนั้นเปล่าจริง
---กังวาน---
ฉันยังอยากอ่านกลอนแต่ก่อนเก่า
และยังเฝ้าศึกษาค้นคว้ายิ่ง
มีเวลาคว้าไขว่ให้ระวิง
มิหยุดนิ่งค้นคว้าศึกษากลอน
แม้มิได้จบผ่านด้านภาษา
ในอุราชอบนักเรื่องอักษร
ตำราใดใครเอ่ยมิเคยย้อน
ยิ่งต้องร้อนวิชาศึกษาดู
ในบางเรื่องบางราวที่กล่าวไว้
ต้องทำความเข้าใจให้มากอยู่
หาผลงานหลากหลายหมายเป็นครู
เพื่อได้รู้กระจ่างอย่างเข้าใจ
ฉันมิค่อนกลอนเปล่าที่เขาเขียน
เขาคงอยากปรับเปลี่ยนเรียนของใหม่
ของอย่างนี้ก็แล้วแต่แนวใคร
อยากต่อก็ต่อไปตามใจเชิญ
กลอนของฉันก็ยังตั้งกลอนแปด
จะกี่แดดกี่ฝนด้นเหาะเหิน
ตามอารมณ์พาไปใจเพลิดเพลิน
แปดไม่เกินเก้าแทรกมาแปลกปลอม
ฉันยังอยากอ่านกลอนแต่ก่อนแบบ
มีความแยบยลหมายกำจายหอม
มโนภาพซาบซึ้งตรึงกลิ่นดอม
ภาษาล้อมร้อยเรียงเจรียงคำ
"กานต์ฑิตา"
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖