-โคลง๔สุภาพ
๐ฝอยฝนโปรยหลั่งพร้อม ลมหนาว
สั่นสะท้านทุกข์ราว เฉียบเนื้อ
หาผ้าห่มสีขาว พรมอุ่น
ฤๅเทียบไอรักเอื้อ โอบหุ้มหฤหรรษ์
๐ประชันผ้าผ่อนพริ้ง เหมันต์- ฤดูเฮย
ช่างงดงามแต่งสรร เฉดช้อย
ลักษณ์ส่งเสกผิวพรรณ พลอยผ่อง
ลึกแห่งใจไป่คล้อย เพริศคล้ายลายฉวี
๐หนีหนาวนี้นึกน้อม นวลแข
ได้กอดกายน้องแล อุ่นอ้อน
กลางหิมะปรวนแปร ยะเยือก
ร่างเล็กเรียวอาจป้อน ฤทธิ์ร้อนเริงฤดี
-โคลง๔ตรีพิธพรรณ
๐มีมรสุมซึ่งเข้า กระทันหัน
ปรับเปลี่ยนวันร้อนเป็น ค่ำสะท้าน
ร่างรวนปั่นป่วนพลัน เป็นหวัด
เพียงพักตร์นุชพริ้มต้าน ต่อริ้วลมหนาว
๐แพรวพราวพันธุ์ดอกไม้ นานา
สุริยาส่องแสง รุ่งเร้า
ถึงถวิลกลิ่นบุปผา หอมชื่น
ยังบ่เพียงแก้มเจ้า กลิ่นเย้ายวนเสมอ
๐หลงละเมอเมื่อหลับเคลิ้ม เคลียคลอ วธูแฮ
แสนสุขขอจันทร์จง อย่าเร้น
ค่ำคืนอยู่ยาวพอ เพลินรัก
เผลอตื่นกลับแกล้งเน้น ที่แท้กอดหมอน
-โคลงจัตวาทัณฑี
๐ถอนเงินถอนง่ายทั้ง ธนาคาร
ถอนรักปักหวานยวน ยากไซร้
ถอนฤทธิ์พิศวาสนาน นับกัป
ใครจะอาจถอนได้ นอกขั้นอรหันต์
๐สวรรค์เสกเดือนคู่ข้าง ดารา
สร้างรหัทมัจฉาเคียง ชีพชื้น
รวีชูหมู่บุษบา บานรับ อรุณเฮย
ไยแน่งน้อยสะอื้น คู่อ้ายอายหรือ
๐ถ้าถือรักมั่นแล้ว โลเล
เพียงพจน์บทเพทุบาย บ่งร้าย
คำบอกกลอกกลิ้งเท เลศถ่ม
รสรักนี้กลับคล้าย หลอกน้ำตาคลอ
-โคลงกระทู้๔(อย่าริก่อรัก หากภักดีด้อย อย่าอ่อยอรรถอ้อน ร่ายร่อนสัมพันธ์ เน้นบั่นรอยบาด จนขยาดจนคร้าม กลกามรักลวง เป็นบ่วงเผาชนม์)
๐อย่าริก่อรักถ้า รวนเร
หากภักดีด้อยเซ ส่ายซึ้ง
อย่าอ่อยอรรถอ้อนประเด ประดังรัก
ร่ายร่อนสัมพันธ์ขึ้ง ขัดข้องขรมเข็ญ
๐เน้นบั่นรอยบาดเบื้อง ลึกฤทัย
จนขยาดจนคร้ามไป โลกหน้า
กลกามรักลวงไฟ ระอุ
เป็นบ่วงเผาชนม์กล้า กร่อนไหม้นิจนิรันดร์
-โคลงกระทู้๒(แกล้งรัก แกล้งห่วง แกล้งลวง จ้วงดับ ได้รัก ได้ชอบ ได้มอบ ได้เจ็บ)
๐แกล้งรักกันกล่อมแกล้ง เกลียวกลึง
แกล้งห่วงหวงคนึง กอดใกล้
แกล้งลวงหลอกคิดถึง ทุกขณะ
จ้วงดับดิ้นแดได้ เดชร้ายสาไถย
๐ได้รักลางรักได้ สมประสงค์
ได้ชอบชมอนงค์ อิ่มยิ้ม
ได้มอบรักยรรยง ยอมยอก
ได้เจ็บบ้างหลังลิ้ม รักให้ประสบการณ์
-โคลง๒ ดั้น
๐แว่วหวานเวียนวาบเย้า ยวนสุขรอบเกศเกล้า กับนาง
๐ห่างเพียงวาดุจเว้น เกินโยชน์อันรักเร้น หลีกหนี
๐เมื่อมีใจจรัสล้วน รักผุดผ่องพร้องถ้วน จึ่งหวง
-โคลง ๓ ดั้น
๐คิดควงขนิษฐา ปรารถนาคู่แท้ เพียงพบหนึ่งข้อแม้ อย่าครวญ
๐อวลไอรักร่ำร้อง ดังกึกก้องโสตนี้ เหมือนเร่งเร้าเซ้าซี้ เสน่หา
๐อุราเรืองเฟื่องฟุ้ง ด้วยคละคลุ้งรักแย้ม ทุกค่ำคืนแต้มแก้ม กอดนวล
-โคลงดั้นวิวิธมาลี
๐หอมหวนแห่งกลิ่นแป้ง ปะพักตร์
ช่างชื่นใจชื่นกาย กรุ่นล้อม
นั่นเรียกพิษนุชหนัก นำเคลิบ เคลิ้มนอ
มองทิศใดห้อมด้วย เดชอนงค์
๐นั่งยืนเดินคิดคล้อย คนึงถึง
ส่งจิตหมายมุ่งตรง แน่งน้อย
ริมฝีปากตราตรึง ฤทัยตรึก
งามอย่างหยดย้อยเยิ้ม หยาดยวน
๐แต่งโคลงเพลินกระทู้ แนวเดียว
ใครคลื่นไส้ใครจวน เบื่อบ้าง
ฝึกโคลงรักด้วยเฉลียว คนอ่าน
แนวอื่นกลัวอ้างว้าง เปลี่ยวเขิน
-โคลงดั้นบาทกุญชร
๐เดินถึงโคลงสุดท้าย ทวนแถลง
ดั้นบาทกุญชรชวน แช่มช้อย
ย่างเยื้องอย่างช้างแปลง เป็นบท โคลงนา
ฉบับละเลียดคล้อยเข้ม ค่าขลัง
๐จึงจักจบพจน์เพ้อ โดยโคลง นี้นา
หวังศาสตร์วิเศษสยามยัง อยู่เหย้า
สมองไป่เปรื่องปราดโยง ญาณปราชญ์
ฝืนอุตส่าห์เฝ้าสร้าง ศุภสาส์นฯ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
22 พฤศจิกายน 2024, 07:53:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ทบทวนวิชาโคลงด้วยบทเพ้อละเมอรัก (อ่าน 2157 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: